::: เราเคย (เผลอ) ทำร้ายใครด้วยความรำคาญหรือเปล่า :::

::: เราเคย (เผลอ) ทำร้ายใครด้วยความรำคาญหรือเปล่า :::

“รถค้างอยู่บนสะพานตากสิน คงอีกนาน เออ ถึงแล้วจะบอก แค่นี้นะ”

ฉันชำเลืองมองเสี้ยวหน้าเจ้าของประโยคดังกล่าวที่นั่งข้างฉันซึ่งกำลังใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอสมาร์ตโฟนดูนิวส์ฟีดในเฟซบุ๊กด้วยความแปลกใจในท่าที น้ำเสียง และคำพูด, ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เธอรับโทรศัพท์ไม่ถึงสิบวินาที

อะไรกันนะที่ทำให้เธอโกหกปลายสาย ทั้งที่ความจริงบีทีเอสเพิ่งจะผ่านสถานีราชดำริมาไม่นาน เหลืออีกตั้ง 4 สถานีจึงจะถึงสถานีสะพานตากสิน, สถานี้มีชานชาลาฝั่งเดียวจึงต้องจัดระเบียบจราจรเพื่อเปลี่ยนราง

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรำคาญ และไร้เยื่อใยนั้น ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่โทรมาเคยหรือกำลังฝากแผลอะไรไว้ในใจเธอหรือเปล่า แน่ละว่าฉันไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าคนที่ถูกคลื่นความรำคาญซัดสาดที่ปลายสายอยู่ในสถานะใดของเจ้าของเสียง, อาจจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคนรัก

ในกรณีที่คนโทรมาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คนพูดเองต่างหากที่ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติพอที่จะรับแขกในทุกกรณีล่ะ ถ้าฉันเป็นใครคนนั้นคงรู้สึกแย่มาก ขนาดฟังในฐานะคนนอกยังรู้สึกไม่ดี, แต่ก็อีกนั่นแหละ ฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างคนทั้งสองว่ารอยร้าวลึกระดับไหน

ฉันคิดเรื่อยเปื่อยประสาดรามาควีนเวิ่นเว้อเบอร์ต้นๆของโลกว่า ที่ผ่านมาฉันเคยใช้น้ำเสียงเจือลงไปในอารมณ์คล้ายๆแบบนี้กับใครบ่อยแค่ไหน, ใช่ ฉันเหวี่ยงวีนประจำ ยิ่งระยะหลังยิ่งเป็นถี่ จนรู้สึกรังเกียจตัวเองในบางครั้ง

ในช่วงภาวะอารมณ์ไม่ปกติ แม้แต่ความห่วงใยจากคนใกล้ตัว บางครั้งก็ถูกแปรสารเป็นอย่างอื่น มันหงุดหงิดรำคาญใจไปทุกสิ่งเพราะไม่มีใครเข้าใจหรือช่วยเหลือได้ในบางกรณี

เป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงที่นั่งข้างๆฉันไม่ได้ตั้งใจ เธออาจไม่รู้ตัว, หรือแท้จริงแล้วเธอเจตนาให้มันเป็นแบบนี้…

ป.ล. ภาพไม่เกี่ยว แค่ถ่ายจากแยกท่าพระ บีทีเอสสถานีตลาดพลู เพื่อประกอบความเวิ่นเว้อ

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author