Bridget Jone’s Baby :: ที่สุด ก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง

ที่ตีตั๋วดูหนังเรื่อง Bridget Jone’s Baby เพราะเคยดู Bridget Jone’s Diary ทั้งภาคหนึ่งและสองมาแล้วและชอบมาก (ซึ่งก็สิบกว่าปีมาแล้ว นานเหี้ยๆ รู้สึกแก่ตกไปตามกันกับนางเอก 555 ดวกส์!) แม้ภาคสองจะง่อยเปลี้ยเพลียไฝกูไปบ้างก็ตาม แต่ฉากบริดเจ็ตนั่งแดกไวน์ฉลองวันเกิดคนเดียวในภาคแรกแล้วเพลง All by myself ดังโหยหวนขึ้นมาเป็นเพลงประกอบมันยังติดตาติดหูกูจนถึงทุกวันนี้อยู่เลยค่ะมึง

ผ่านไปกว่าสิบปีอีบริดกลับมาพร้อมกับความโสดและรอยตีนกายับย่นยู่ยี่ในช่วงใกล้วัยทอง 43 ปี ที่หยากไย่เกาะจิ๋มใกล้จะเป็นฟอสซิล จนเพื่อนทนไม่ไหวพามันไปปาร์ตี้ในงานดนตรีเฟสติวัลเพื่อมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ ซึ่งมันก็เด๋อๆด๋าๆจนได้ซั่มกับแจ็ค (พี่แพทริก เดมป์ซีย์ ซึ่งแซ่บมาก) แบบ one night stand ถัดมาอีกไม่กี่วันอีบริดก็ไปเจอกับดาร์ซี่ (พี่โคลิน เฟิร์ธ ซึ่งกลับมาคราวนี้พี่แกหล่อหุงขึ้นหม้อมาก เหมือนพี่ก้อง-สหรัถที่ยิ่งแก่ยิ่งน่ากิน) อดีตรักเก่าในงานเลี้ยงหนึ่งจนตกพุ่มได้จิ้มๆจุ่มๆฟินๆฟันๆกันไปสองยก แล้วอีบริดก็เกิดท้องป่องแต่ไม่แน่ใจว่าใครคือพ่อเด็ก ภารกิจพิชิตใจอีบริดพร้อมเรื่องวายป่วงทั้งมวลจึงเริ่มขึ้นแบบฮาก๊าก

ไม่รู้จะอวยหนังเรื่องนี้ยังไงให้สมกับที่มันดีงาม (ถ้าตัดรอยตีนกาที่ตีกันกับโบท็อกซ์แข็งๆบนหน้าของเรเน่ออก นอกนั้นคือเพอร์เฟ็กต์ในความคิดกูนะคะ) หนังอาจจะเพ้อๆฝันๆแต่มันก็มองโลกในความเป็นจริงมากขึ้นตามวัยที่เพิ่มพูนของอีบริด หนังจิกกัดหลายสิ่งอย่างในโลกยุคนี้ เช่น การเรียกร้องสิทธิเกินไปของเหล่า LGBT, คนรุ่นใหม่ที่เหยียบหัวคนรุ่นเก่า, ความเชยเปิ่นของอีบริดกับเพื่อน ฉากที่เจอเอ็ด ชีแรน (เอ็ดตัวจริงมาแสดงรับเชิญด้วยนะ) ในผับนี่คือพีคมาก ชอบเพื่อนนางเอก นางคือจอมขโมยซีน ชอบมุก “กล็อกเซ่” น่ารักที่สุด หนังแม่งปล่อยมุกเรี่ยราดมากแต่คือฮาทุกมุก แล้วมีเพื่อนร่วมฮาเต็มโรงคือมันสนุกไง

ดูไปก็ลุ้นไปว่าอีบริดจะเลือกใคร ระหว่างแจ็คเจ้าเสน่ห์สุดแสนโรแมนติกและขี้เล่น กับดาร์ซี่เสือยิ้มยากผู้จริงจังกับชีวิต ประโยค “ฉันเคยรักเขา” กับ “สักวันฉันอาจจะรักคุณ” นี่คือเลอเลิศมาก หนังฉลาดที่ทำให้เราเอาใจช่วยทั้งอีบริด ดาร์ซี่ และแจ็ค ตอนดูในหัวกูตีกันตลอดระหว่าง “เลือกคนใหม่เถอะ เพราะชีวิตต้องไปข้างหน้า กับคนเก่าถ้ามันใช่มันก็ใช่แต่แรกแล้ว” และ “คนเก่าก็ดีนะ อย่างน้อยก็เคยรักกันการกลับมาครั้งนี้คือโอกาสเริ่มใหม่และทำให้ดีกว่าเดิมอ้ะ”

คือกูทะเลาะกับตัวเองค่ะ นึกว่าตัวเองเป็นนางเอก แต่สุดท้ายอีบริดมันก็เลือกของมันอะนะ มันไม่แคร์กูหรอก    

ส่วนตัวแล้วชอบที่หนังจบแบบนี้ เพราะประนีประนอมกับคนดูที่สุดแล้ว และเป็นสิ่งที่แฟนเดนตายอย่างกูรับได้ ไม่ตะขิดตะขวงใจเลย

อ้อ หนังไม่ได้มีแต่ความฮาระดับสิบกะโหลกเท่านั้นนะคะ ความน่ารัก ความโรแมนติก และความแซ่บความซี้ดอื่นๆก็มีเพียบ ฉากเรียกน้ำตา (กู) ก็มี ฉากอีบริดเข้าห้องไม่ได้แล้วหนึ่งในสองคนเดินมาหาพร้อมพูดประโยคว่า “you are my world.” นี่น้ำตากูไหลพรากเลยค่ะ, อยากมีมายเวิลด์แบบนี้บ้าง T_T

หลายครั้งที่เราวิ่งวนวุ่นวายพยายามไขว่คว้าใครก็ไม่รู้ให้มาอยู่ในวงจรชีวิตเพราะความเหงา แต่เรากลับมองไม่เห็นคนที่มองเราเป็น “โลกทั้งใบ” ของเขาว่าอยู่ใกล้ๆเรานี่เอง, อีบริดไม่ได้กล่าว กูพูดเองค่ะ 555 ดวกส์!

สรุป ไปดูเถอะ หนังดีงามสิบสามกะโหลกจริงๆนะเออ

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author