Carol: รักเธอสุดหัวใจ ::: ฟังคนอื่นได้ แต่อย่าลืมฟังเสียงหัวใจตัวเอง :::
::: ฟังคนอื่นได้ แต่อย่าลืมฟังเสียงหัวใจตัวเอง :::
แม้หน้าหนัง Carol: รักเธอสุดหัวใจ จะฉาบทาด้วยคำว่าเลสเบี้ยน เพราะตัวเอกคือผู้หญิงสองคนที่ตกหลุมรักกันตั้งแต่แวบแรกที่ได้สบตา แต่ส่วนตัวคิดว่านี่คือหนังรักละเมียดละไมละมุนละม่อมอีกเรื่องหนึ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้สวยงามตรึงใจและร่วมสมัยที่สุด ที่สำคัญคือภาพสวยมาก — เป็นหนังรักที่พูดแทนความรู้สึกรักของชายหญิงทุกคู่บนโลกใบนี้
นี่ไม่ใช่หนังเกย์ที่จงใจประดิษฐ์ให้นักแสดงเก็บกดในเพศสภาพที่ซ่อนเร้นของตัวเองเพื่อรอฉากระเบิดอารมณ์แรงๆตามสไตล์หนังแนวนี้ แม้สมัยนั้นจะยังไม่มีนิยามคำว่าเพศที่สาม แต่ตัวละครหญิงก็ไม่กระมิดกระเมี้ยนเรื่องรสนิยมทางเพศแม้แต่น้อย แถมยังเมาท์มอยเรื่องเหล่สาวอย่างออกรส ไม่มีสักฉากที่หนังเอ่ยคำว่าเกย์และเลสเบี้ยน ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ — มันคือหนังที่เปิดเปลือยความปรารถนาของตัวละครอย่างชัดแจ้งตั้งแต่ต้น
ชัดแจ้งตั้งแต่แครอล สาวใหญ่ที่กำลังอยู่ในช่วงทำเรื่องหย่ากับสามี และเทเรซ พนักงานแผนกขายของเล่นเด็กในห้างสรรพสินค้าสบตากันนั่นแหละ และตั้งแต่นั้นมาหนังก็ไม่ได้อำพรางเลยว่าทั้งคู่รักและปรารถนากันเพียงใด เพียงแต่ไม่กระโตกกระตากแค่นั้นเอง — ทั้งชัดเจนและคลุมเครือในคราวเดียว นี่คือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้
นึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ใช่เคต แบลนเชตต์ ใครกันที่จะทำให้บทแครอลมีมิติ มีเสน่ห์ น่าค้นหา และงามสง่าได้ขนาดนี้ รุกหนักและใจป๋า แต่ก็ดูผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว รูนีย์ มาร่าก็ทำหน้าที่ของตัวเองในบทของเทเรซได้ดีไร้ที่ติ ถ่ายทอดมุมมองของสาวใสซื่อที่กำลังค้นหาตัวเอง อยากรู้ อยากเห็น และอยากลองได้มีมิติมากๆ, เคมีเข้ากันเว่อร์ คือเล่นน้อยแต่ได้มากทั้งคู่ ไม่แปลกใจเลยที่ทั้งสองนางจะกอดคอกันเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงและสมทบหญิง
ไม่มีฉากไหนเลยที่ตัวละครทั้งคู่ฟูมฟาย มีเพียงอารมณ์รักสุดซึ้งและความสับสนว้าวุ่นภายในที่ถ่ายทอดผ่านสายตาและท่าทางที่กำลังดี แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนดูอย่างเราสัมผัสได้ และอยากเอาใจช่วย
แปลกดีที่หนังไม่ได้ยัดเยียดคำพูดสุดเลี่ยน ฉากรักเร่าร้อน หรือหวือหวา มันแค่ทำหน้าที่ส่งสารให้เราเงียบๆผ่านสายตาและท่าทางที่สะท้อนออกมาว่า “รักมาก” เช่น แครอลจ้องตาเทเรซแบบไม่ปิดบังความรู้สึก, เทเรซแอบมองแครอลเวลาเผลอ, เทเรซดมน้ำหอมที่ซอกคอแครอลด้วยท่าทางเหนียมอาย, สัมผัสเบาๆที่ไหล่หรือหลังของอีกฝ่าย ส่วนตัวรู้สึกว่าฉากสัมผัสไหล่และหลังแทบจะแทนการเมกเลิฟของทั้งคู่ได้เลย มันอ้อยอิ่งและห่วงหาอาทรซ่อนไว้ด้วยอารมณ์ปรารถนาเบื้องลึก (แครอลนี่ก็มือไวนะคะ เอะอะก็แตะหลัง เอะอะก็แตะไหล่ อย่าว่าแต่เทเรซในจอเลยค่ะ คนดูก็ตายกับสัมผัสแบบนี้ 555 ดวกส์!)
แต่ภายใต้ความเรียบง่ายนั้นกลับมีพลังล้นเหลือที่ทำให้เราอินไปกับความรักของแครอลและเทเรซอย่างไร้ข้อกังขา ฉากเมกเลิฟก็สวยงามกำลังดี ไม่โหมกระพือให้รู้สึกกำหนัด แต่ทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ในระดับโรแมนติก, ฉากยิ้มมุมปากและบอกรักด้วยสายตาตอนท้ายเรื่องนี่เอาไปเลยสิบกะโหลก ไม่มีบทพูดสักคำแต่ทุกอย่างมันสื่อออกมาทางสายตาหมดแล้ว, ขอยกเครดิตให้เคตกับรูนีย์ไปเต็มๆ จะเทพกันไปไหน
ไม่มีฉากระเบิดอารมณ์แม้ในบริบทที่สมควรวีนแตก แต่หนังเลือกถ่ายทอดออกมาแบบค่อยๆปล่อย แต่น็อกคนดูอยู่หมัดด้วยฝีมือระดับเทพขั้นสุดของนักแสดงหลัก ฉากที่ชอบมากสุดคือตอนที่แครอลพูดต่อหน้าทนายเรื่องขอสิทธิ์ดูแลลูก ฉากนี้มีมิติของความเป็นมนุษย์สูงมาก รัก โลภ โกรธ หลง เด็ดเดี่ยว และเห็นแก่ตัว, ซึ่งเคตเล่นได้ลึกมาก
ฉากนี้ฉากเดียวทำให้เรารู้จักแครอลได้อย่างลึกซึ้ง เธอรักลูกมากเราสัมผัสได้ แต่ประโยชน์อะไรที่เธอจะปฏิเสธความต้องการที่แท้จริงและตัวตนของตัวเอง, เธอบอกเราว่าเสียงทักท้วงของคนอื่นก็สำคัญ แต่เหนือกว่านั้นคือเราต้องฟังเสียงหัวใจตัวเองเป็นหลัก
ถ้าเราไม่รักษาและปกป้องสิทธิอันพึงมีของตัวเอง ใครหน้าไหนจะทำ
ป.ล. ฉากจบทำให้คิดถึงหนังเรื่อง Nothing Hill เฉยเลย, แต่ชอบนะ มากด้วย