แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์#HP5

((( โซโนรัส! ))) อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟีนิกซ์#HP5 จบแล้วโว้ยยย! ต้องบอกว่าเป็นทรมานบันเทิงขนานแท้ กว่าจะจบได้คืออ่านแล้ววาง วางแล้วอ่าน วนลูปอยู่แบบนี้นานมาก ระหว่างนั้นก็เบรกไปแซบสอยกับหนังสือเล่มอื่นจบไปหลายเล่ม — อ่านเล่มนี้จบกูไม่กลัวการอ่านหนังสือโคตรพ่อโคตรแม่หนาเล่มอื่นแล้วค่ะ

พออ่านจบก็เข้าใจว่าทำไมหลายคนถึงโบกมือลาแฮร์รี่ที่เล่มนี้ตลอดกาล เพราะปัญหาที่พบไม่ใช่แค่ความหนาปราบเซียนที่ 1,047 หน้า และความเวิ่นเว้อน่ารำคาญของแฮร์รี่เท่านั้น แต่บทแปลและการเอดิตยังชวนหงุดหงิดตลอดทั้งเล่มอีกด้วยค่ะมึง กลิ่นนมเนยมาเต็มเลยจ้า หลายประโยคคือปล่อยมาได้ไงคะ มันไม่ใช่ประโยคภาษาไทยอ้ะ จากที่เคยอ่านแบบลื่นไหลด้วยการแปลขั้นเทพของคุณงามพรรณ เวชชาชีวะในเล่ม 4 (ส่วนตัวยกให้เล่ม 4 เป็นเล่มที่แปลดีที่สุดของทั้ง 5 เล่ม) มาเล่มนี้ “สุมาลี” ฝีมือตกมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเว้นการแปลเล่ม 3 และ 4 แถมเล่มนี้ยังหนาเวอร์วังอีก นักแปลและ บก. คงล้าสายตามั้งนะ — ก็พยายามเข้าใจอะนะ แต่คือมันไม่โอเคเลยค่ะคุณกิตติคะ -*-

เคยถามหลายคนที่ทนอ่านจนจบและเลิกอ่านเล่มนี้กลางคัน แทบทุกเสียงตอบตรงกันว่ารำคาญความเยอะและเวิ่นเว้อของแฮร์รี่ ทั้งเรื่องเลือดจะไปลมจะมา และเรื่องหลงสาวโช แชงจนหักปักหัวปำ แต่กูเข้าใจแฮร์รี่นะคะ ตอนอายุสิบห้าหยกๆ สิบหกหย่อนๆ มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต มันก็ต้องอ่อนไหวและสับสนเพราะฮอร์โมนวัยว้าวุ่นเป็นธรรมดา แล้วเรื่องเพ้อถึงหนุ่มหรือสาวที่ชอบ ถ้าใครที่พอมีหัวใจอยู่บ้างก็ต้องเคยผ่านความรู้สึกนี้กันมาแล้วทั้งนั้นแหละ ทั้งหมดนี้ขอยกความดีความชอบให้ เจ.เค. โรว์ลิ่ง เช่นเดิม นางเข้าใจแฮร์รี่ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนวัยรุ่นทั้งโลกได้ชนิดโคตรลึกซึ้งเลย #กราบรัวๆ (ติ่งแฮร์รี่บางคนเคยบอกว่าการรบรากับข้อแม้สารพัดในเล่ม 4 จนอ่านจบได้ คล้ายการก้าวข้ามผ่านวัยหัวเลี้ยวหัวต่ออันยุ่งยากของชีวิต, ลึกซึ้งมั้ยล่ะมึง!)

เล่มนี้ตัวละครหลากหลายมาก จำชื่อไม่หวาดไม่ไหว แต่ที่โดดเด่นเด้งดึ๋งดั๋งมากๆคือ โดโลเรส อัมบริดจ์ ค่ะมึง ตอนรีวิวเล่ม 1-4 มีน้องบางคนมาแซวกูว่าเป็นอัมบริดจ์ กูงี้งงมากว่าอีนี่เป็นใคร พอมาอ่านเจอวีรกรรมวีรเวรมันในเล่มนี้กูแทบอยากจะวาปไปงับหูอีพวกที่มันแซวกูไว้เลยทีเดียว คืออีนี่เป็นตัวละครที่แสบมาก อัปลักษณ์ทั้งสันดานและสารรูป เวลาเจ.เค. บรรยายรูปร่างหน้าตาของมัน ตัวหนังสือแทบจะกลายร่างเป็นคางคกยักษ์ทะลุหน้ากระดาษออกมาทิ่มไฝกูเลยค่ะ สรุปคือ กูถูกหลอกด่ามาตลอดเลยเหรอคะลุงตู่คะ ดวกส์! T_T แต่ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเพราะอัมบริดจ์นี่แหละที่ทำให้เนื้อหาของเล่มนี้มีความบันเทิงจนทำให้ทนอ่านต่อจนจบได้

เจ.เค. ก็ยังคงเป็น เจ.เค. ที่เก่งเรื่องผูกปม ขยี้อารมณ์ และคลายข้อสงสัยในเวลาที่ใช่ที่เหมาะ นี่ไม่นับเรื่องการเขียนให้สนุกและตื่นตาตื่นใจ จากที่แอบเนือยบางช่วง ตอนท้ายเล่มกลับมาพีคได้อีกครั้ง แถมยังไม่ลืมฝากแง่คิดไว้ปลอบประโลมใจผู้อ่านไปพร้อมๆกับแฮร์รี่ด้วย อย่างตอนที่แฮร์รี่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ระหว่างจมจ่อมอยู่ในกองทุกข์แสนสาหัสนั้น เจ.เค. ให้อัลบัส ดัมเบิลดอร์เตือนสติแฮร์รี่ว่า

“แฮร์รี่ การทุกข์ทรมานแบบนี้แสดงว่าเธอยังเป็นคนนะ! ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์”

ใช่สินะ, ตราบใดที่เรายังหายใจ ความทุกข์กายทุกข์ใจก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตนั่นแหละ

เครดิตภาพ: Mai Pinthawornrak

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author