::: นั่งรถไฟไทยกลับไปเยี่ยมฉันในวันวาน :::

::: นั่งรถไฟไทยกลับไปเยี่ยมฉันในวันวาน :::

จำได้ว่าตอนเรียนชั้นประถม-มัธยมยายมักพาฉันนั่งรถไฟชั้นประหยัดจากขอนแก่นมาหาแม่ที่กรุงเทพฯทุกปิดเทอม ตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยนั่งไปเที่ยวลพบุรีกับเพื่อนแค่ครั้งเดียว และมีโอกาสนั่งรถไฟครั้งสุดท้ายเมื่อราวสิบปีก่อนตอนไปเข้าคอร์สชีวจิตที่เชียงใหม่ ตอนนั้นบริษัทเหมาตู้นอนไปกันร่วมร้อยคนทั้งพนักงานและลูกค้า

ราวห้าโมงครึ่งเมื่อวาน หลังจากขายหนังสือที่บีทูเอ เซ็นทรัลเวสต์เกต บางใหญ่เสร็จ ฉันก็จับรถไฟสายสีม่วงกลับมาที่สถานีเตาปูน แล้วต่อรถมายังสถานีรถไฟไทยชุมทางบางซื่อ เมื่อไม่ต้องเร่งรีบกับเวลาเหมือนขาไป ฉันก็ชิลๆ ไม่หงุดหงิด ตอนนั้นทั้งที่เหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ก็ยังนึกสนุกอยากนั่งรถไฟไปหาแม่ที่พุทธมณฑลสายสี่ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า แค่จำได้ว่าน้องที่รู้จักเคยนั่งรถไฟจากศาลายามาที่บางซื่อ เลยอยากลองบ้าง — นี่จะเป็นการขึ้นรถไฟไทยครั้งแรกในรอบสิบปีของฉัน ตื่นเต้นกว่าตอนขึ้นรถไฟสายสีม่วงครั้งแรกในชีวิตเสียอีก, บรรยากาศจะเหมือนตอนฉันนั่งกับยายเมื่อครั้งยังเด็กมั้ยนะ

หกโมงยี่สิบฉันตีตั๋วรถไฟจากบางซื่อ-ศาลายา (สายใต้กรุงเทพฯ-กันตัง) รายละเอียดบนตั๋วระบุว่าฉันได้ขึ้นรถขบวน 167 เวลารถออกเวลา 18:54 เวลาถึง 19:28 ชั้นประเภทตู้ 3 บชส. 76 ราคาตั๋ว 20 บาท ผู้ใหญ่ 01-01 แต่รถไฟมาเทียบชานชาลาราวทุ่มสิบนาที แม้จะเลตจากเวลาที่ระบุในตั๋วไปร่วมครึ่งชั่วโมง แต่แปลกที่ฉันไม่รู้สึกหงุดหงิดเลย มีเพียงใจที่จดจ่อว่าอีกไม่นานก็จะได้นั่งรถไฟแล้ว

ความมืดโรยตัวปกคลุมไปทั่วลานโล่งที่เรายืนและนั่งรอรถไฟ แสงไฟสลัวส่องมาจากเสาที่เรียงราย รอบๆตัวฉันคุณตาคุณยายแหลงใต้กันอย่างออกรส ป้าคนที่นั่งรอรถบนม้านั่งข้างฉันบอกว่าขนของจากใต้มาขายที่กรุงเทพฯ ตอนบ่ายกะขึ้นชั้นฟรีกลับบ้านแต่คนแน่นมากเลยเปลี่ยนใจจ่ายค่าตั๋วแทน กะว่าขึ้นรถเที่ยวนี้ไปถึงบ้านตอนเช้าพอดี มีรถประจำทางเข้าหมู่บ้าน ถัดไปไม่ไกลเป็นกลุ่มวัยรุ่นชายยืนจับกลุ่มคุยกัน บ้างก็สูบบุหรี่ฆ่าเวลา เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคนใต้ ก็นี่มันชานชาลาสำหรับรอรถไฟสายใต้นี่นะ, ฉันก็แค่ขออาศัยเกาะขบวนไปลงระหว่างทางเท่านั้น

เมื่อรถไฟเทียบชานชาลาตอนทุ่มกว่า ฉันก็เดินปะปนไปกับกลุ่มคนที่หอบข้าวของพะรุงพะรัง บางคนมีกระสอบใบใหญ่ บ้างก็มีกล่องกระดาษใบเขื่อง บ้างก็มีเป้ใบโต ฉันนั่งลงบนเบาะสีเขียวหม่นด้วยความตื่นเต้น คิดว่าถ้าเผลอหลับแล้วนั่งเลยป้ายจะเป็นยังไงนะ ฉันจะไปโผล่ที่ไหน จะไปถึงใต้หรือเปล่า คิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อย ไม่ถึงสิบนาทีรถไฟก็ออกจากสถานีบางซื่อ ตู้ที่ฉันนั่งมีคนไม่ค่อยเยอะ ตอนแรกมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจบ้างเพราะทุกคนต่างก็กุลีกุจอหาที่นั่งตามเลขที่ระบุไว้บนตั๋ว

สักพักเจ้าหน้าที่ก็มาตรวจตั๋ว หลังจากนั้นไม่นานก็มีพ่อค้าแม่ค้าเดินสวนกันไปมาเพื่อขายข้าวกล่อง น้ำ และขนม ฉันซื้อข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวกล่องละ 40 บาทกิน ไม่ใช่เพราะความหิว แต่กินเพราะความอยาก กินเพราะอยากรู้รสชาติอาหารบนรถไฟก็แค่นั้น ซึ่งมันก็ไม่อร่อยหรอก — ใช่, ฉันแค่อยากกินอาหารบนรถไฟที่ลำเลียงออกมาจากตู้เสบียงรถไฟ

เสียงรถไฟบดเบียดรางเหล็กยังคงดังเสียดหูต่อเนื่อง ภายในตู้รถ หลอดนีออนและพัดลมเพดานตัวเขื่องทำงานคล้ายขี้เกียจ อากาศร้อนอบอ้าว ดีที่ลมด้านนอกพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้รู้สึกเย็นอยู่บ้าง กลุ่มที่อยู่ฝั่งประตูห้องน้ำซึ่งมาด้วยกันกว่าสิบคน ส่วนที่นั่งเบาะข้างซ้ายฉันเป็นคู่รักวัยทำงานที่พูดคุยกันหนุงหนิง ข้างหลังฉันเป็นเด็กหนุ่มสามคนกำลังชี้ชวนกันดูอะไรบางอย่างในสมาร์ตโฟน เด็กวัยรุ่นชายที่นั่งเยื้องฉันไปทางซ้ายมือกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้มือถือ ส่วนผู้หญิงเบาะข้างหน้าฉันตะเบ็งคุยโทรศัพท์เสียงดังจับใจความได้ว่าเธอกำลังสั่งให้ลูกที่บ้านเก็บผ้าหลบฝนให้ ส่วนที่นั่งข้างฉันคือหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่กำลังคุยโทรศัพท์ไปกินข้าวกล่องไปอย่างเพลิดเพลิน, จากคำพูดที่เธอใช้และน้ำเสียงที่ค่อนข้างออดอ้อน ฉันเดาว่าปลายสายน่าจะเป็นคนรักของเธอ

รถไฟผ่านสถานีแล้วสถานีเล่า มีคนเวียนขึ้นเวียนลงแต่ก็ไม่มาก จนกระทั่งเข้าเทียบชานชาลาที่ศาลายาตอนเกือบสองทุ่ม เลตจากที่ระบุไว้ในตั๋วครึ่งชั่วโมง ฝนข้างนอกปรอยเม็ดลงมา ตั้งเค้าว่าจะพรมเม็ดหนาในไม่กี่อึดใจข้างหน้า ฉันรีบสาวเท้าออกไปถนนใหญ่ โบกแท็กซี่จากหน้ามหาวิทยาลัยมหิดลไปหาแม่ที่พุทธมณฑลสายสี่, ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก

เอาเข้าจริงการขึ้นรถไฟของฉันครั้งนี้ไม่อาจเรียกวันเวลาเก่าๆในวัยเยาว์ของฉันให้กลับมาได้อย่างที่ใจนึก ฉันจำความรู้สึกตอนนั่งรถไฟกับยายไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นยังไง อาจจะเพราะมันนานเกินไป ฉันอาจเด็กมากจนจำเรื่องราวไม่ได้ หรือเพราะฉันไม่ได้ใส่ใจกับมันมากพอ

ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเปลี่ยนไป หรือเพราะนี่คือความจริงแท้ของโลกที่ว่า ต่อให้อยากย้อนเวลากลับไปแค่ไหนก็ทำไม่ได้, บางเรื่อง แม้แต่ในความทรงจำก็ยังทำยา

วันวานของฉันมันผ่านมาแล้ว...

 

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author