แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ (#HP1)

เคยดูแฮร์รี่ พอตเตอร์เวอร์ชันหนังในโรงทุกภาคแต่ไม่เคยคิดจะอ่านเวอร์ชันหนังสือเลย (ทั้งที่มาทำงานอยู่บริษัทที่ได้ลิขสิทธิ์แปลไทยแต่เพียงผู้เดียวก็ยังเฉยๆ) แต่อยู่ๆก็มีเหตุให้อยากอ่าน, เรื่องบางเรื่องก็ต้องรอจังหวะที่ใช่อย่างที่เขาว่ามานั่นแหละนะ (แต่คือดีเลย์มาก เหลืออีกตั้ง 6 เล่ม+เล่มใหม่ที่กำลังจะมาปลายปี ดวกส์! T_T)

พออ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายถึงได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าทำไมวรรณกรรมเรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ถึงได้ชื่อว่าเป็น “หนังสือที่ร่ายมนตร์ให้คนทั่วโลกรักการอ่าน”

แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ (#HP1) ว่าด้วยเรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่กับลุงและป้าที่เป็นมักเกิ้ล ถูกรังแกสารพัดจากลูกพี่ลูกน้อง จนอายุ 11 ขวบเขาถึงรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด และต้องไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ แล้วการผจญภัยครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น

เจ.เค. โรว์ลิ่ง ร่ายมนตร์ให้หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกและอ่านเพลินมาก ถือว่าเปิดประตูบานใหม่สู่โลกการอ่านให้ใครหลายคนเลยก็ว่าได้ (เล่มนี้หนา 376 หน้า แต่ฉันใช้เวลาอ่านจบเร็วกว่าหนังสือหลายเล่มที่บางกว่านี้เกือบครึ่ง และจบเร็วกว่าสถิติการอ่านโดยเฉลี่ยของตัวเอง) แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือจินตนาการในโลกพ่อมดแม่มดตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ฉันกลับรู้สึกว่าทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่จับต้องได้โดยเฉพาะความคิดจิตใจของตัวละครที่คละกันทั้งสุข เศร้า อ่อนไหว เข้มแข็ง กล้าหาญ และขลาดกลัว ซึ่งเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ รวมทั้งแง่คิดสอนใจที่สอดแทรกในเล่ม

เชื่อว่าใครๆก็อยากเอาใจช่วย loser ที่คิดดีใฝ่ดี (พวก loser ที่มีอยู่เกินครึ่งค่อนโลกอาจรู้สึกว่าแฮร์รี่เป็นตัวแทนของพวกเขา), ในชีวิตหนึ่งที่เกิดมาไม่ว่าใครก็อยากมีมิตรแท้ที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่ในฐานะเพื่อนตาย (เหมือนที่แฮร์รี่มีรอนและเฮอร์ไมโอนี) และแน่นอนว่าทุกคนต่างก็อยากกล้าหาญโดยเฉพาะในยามเข้าตาจนด้วยกันทั้งนั้น, ประเด็นเหล่านี้มีครบในแฮร์รี่ พอตเตอร์

เจ.เค. โรว์ลิ่ง เก่งและฉลาดมากที่ทำให้เราคอยเอาใจช่วยตัวละครทุกตัว ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะแฮร์รี่ โดยไม่พยายามชี้นำหรือยัดเยียด แต่นั่นยิ่งกลับทำให้เราละสายตาจากตัวหนังสือของเธอไม่ได้เลย ฉากดรามาก็ไม่ต้องออกแรงขยี้ แค่ปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ แต่น้ำตาเรากลับไหลออกมาเอง คือทุกอย่างมันค่อยๆเกิดขึ้นให้เราซึมซับจนรู้สึกเป็นเนื้อเดียวกับเรื่องราวในหนังสือ, นี่คือวรรณกรรมที่ดีงามด้วยประการทั้งปวง

อ่านเล่มนี้จบแล้วก็ได้ย้ำตัวเองอีกรอบว่า สิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป คนที่ภายนอกดูร้ายกาจเนื้อแท้อาจเป็นคนดี ส่วนคนที่ดูไม่มีพิษภัยอาจซ่อนพิษสงไว้จนเราไม่อาจจินตนาการถึง…

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author