Iจนกว่าlเด็กปิดตาlจะโต :: บันทึกเด็กปิดตาพาเปิดใจ ::

::: บันทึกเด็กปิดตาพาเปิดใจ :::

ว่ากันว่าถ้าอยากรู้จักใครให้ลึกซึ้งต้องอ่านสมุดบันทึกของเขา ฉันอยากรู้จัก “น้องพลอย-สโรชา กิตติสิริพันธุ์” ฉันจึงซื้อหนังสือ Iจนกว่าlเด็กปิดตาlจะโต ของ สำนักพิมพ์ผีเสื้อ มาอ่าน, ฉันเองก็ชอบเขียนบันทึกด้วย

ขณะอ่านฉันเอ็นดูพลอย เมื่ออ่านจบฉันชอบพลอย และโชคดีมากที่เรามีโอกาสเจอกันที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกัน แถมวันนั้นฉันพกหนังสือของพลอยไปอ่านด้วย จึงมีลายเซ็นของพลอยเป็นที่ระลึก — วันนั้นคืออังคารที่ 29 มี.ค. 59, ฉันจำได้ดี

” พลอย ” เป็นนิสิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ ตาของพลอยมองไม่เห็น แต่ความคิดและจิตใจของพลอยสว่างสดใสมาก ฉันสัมผัสได้ทั้งจากตัวหนังสือในบันทึกและคำพูดในบทสนทนาของเราในวันนั้น

พลอยเขียนบันทึกเล่าชีวิตประจำวันด้วยภาษาง่ายๆ แต่กระทบใจ และคม อารมณ์พูดน้อยต่อยหนัก แถมวาดภาพประกอบด้วยตัวเอง เธอมองคนรอบตัวด้วยอารมณ์สดใสหัวใจสว่างงาม ทั้งอาม่า พ่อแม่ พี่สาว เพื่อน และคนแปลกหน้า ทุกครั้งที่เธอทำอะไรก็ตาม ทั้งลุล่วงด้วยดีและมีอุปสรรค เธอไม่ลืมที่จะพูดถึงคนที่ช่วยเหลือและสนับสนุนด้วยสำนึกและขอบคุณเสมอ

ตัวหนังสือในสมุดบันทึกของพลอยไม่เพียงแต่มองโลกในมุมบวกเท่านั้น แต่ยังอ่อนน้อมและถ่อมตน เหมือนตัวจริงของพลอย พลอยไม่ฟูมฟายกล่าวโทษโชคชะตาว่าทำไมถึงเกิดมาตาบอด ไม่ดราม่าในโลกมืดเพื่อเรียกน้ำตาจากเรา แต่ตรงกันข้าม เธอเปิดใจกว้างเพื่อมองทุกอย่างรอบกายอย่างรอบด้านโดยไม่ปล่อยให้ข้อจำกัดทางกายภาพมาตีกรอบความคิดและชีวิต ทำให้เราอมยิ้ม อารมณ์ดี หรือหัวเราะเบาๆกับตัวเองเมื่อได้อ่านมุมมองใสๆของพลอย, คนตาดีอย่างฉันเสียอีกที่เอาแต่โทษนั่นโทษนี่เวลาไม่ได้ดั่งใจ

ฉันชอบวิธีที่พลอยใช้จัดการและซ่อมแซมความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง พลอยชอบตั้งคำถามและเพียรหาคำตอบ มีตอนหนึ่งที่พลอยสงสัยว่าทำไมคนที่เคยรักและสนิทกันมากๆถึงโกรธเกลียดกันถึงขั้นไม่มองหน้า แล้วอ้างว่ามันเลยจุดที่ต้องปรับความเข้าใจมานานแล้ว ในมุมของพลอยเธอคิดว่าถ้าทั้งสองฝ่ายวางอัตตาของตัวเองลง มันไม่มีคำว่าสายในการปรับความเข้าใจหรอก, ฉันเห็นด้วย

หลายตอนพลอยทำให้ฉันสะอึกและหยุดนึกตาม บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ฉันเคยสงสัยแต่ไม่เคยหาคำตอบจริงจัง พลอยทำให้ฉันย้อนคิดถึงตัวเอง ในบางประเด็นเธอมองโลกทะลุและเท่าทันอารมณ์ตัวเองมากกว่าฉันซึ่งอายุมากกว่าเธอกว่าสิบปีเสียอีก

แต่ฉันไม่อายหรอกนะที่ไม่เท่าทันอารมณ์ตัวเองเท่าพลอยในบางเรื่อง ฉันนึกขอบคุณเธอด้วยซ้ำที่มาสะกิดใจให้ฉันทบทวนสิ่งที่ผ่านมา โดยเฉพาะทบทวนตัวเอง

ฉันชอบประโยคคิดเองที่พลอยเขียนไว้ในท้ายบทของบันทึกแต่ละตอน หลายประโยคมันจี้ใจจนจุกจี๊ด จนต้องไฮไลต์ไว้เตือนตัวเอง เช่น

“ผู้ไม่สังเกต ย่อมพลาดแม้เพียงโอกาสที่จะคิด”

“ลูกโป่งความรัก เติมความคาดหวังมากไป ก็แตก”

“อย่าตำหนิใคร เพียงด้วยเหตุเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด”

“อย่าตำหนิความเศร้า มันช่วยยืนยันว่าเรามีความรู้สึกและความหวัง”

“ความผิดหวังจากการไว้วางใจผู้อื่นเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดก็จริง แต่การไม่รู้จักไว้วางใจผู้ใดเลยเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดยิ่งกว่า” ฯลฯ

ฉันอยากขอบคุณน้องพลอยที่เขียนบันทึกเล่มนี้ขึ้นมา เธอย้ำให้ฉันไม่ลืมว่า ชีวิตเราจะดีหรือแย่ไม่ขึ้นอยู่กับกายภาพทั้งหมด แต่อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่มุมมองที่สว่างใสภายใต้ความสว่างงามของจิตใจเราต่างหาก, ยากนะ แต่ฉันจะพยายาม ฉันอยากให้ภายในสว่างงามเหมือนพลอย

พี่รออ่านบันทึกเล่มใหม่ หรือแม้แต่หนังสือเล่มอื่นๆของน้องพลอยอยู่นะจ๊ะ

13076558_10208238408829378_3352079395131098951_n

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author