::: ถ้ามัวแต่เดี๋ยว ก็คงไปไม่ถึงไหน :::

::: ถ้ามัวแต่เดี๋ยว ก็คงไปไม่ถึงไหน :::

แต่ไหนแต่ไรมาฉันรู้สึกเฉยๆกับประเทศลาว นานมาแล้วเพื่อนเคยชวนไปเที่ยวฉันก็ปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาทบทวนคำชวนนั้น เพราะคิดว่าลาวคงไม่มีอะไรต่างจากบ้านนอกของฉันเท่าไรนัก แล้วฉันจะเสียเงินและเวลาไปในที่ที่บ้านฉันก็ (น่าจะ) มีไปทำไมกัน, คือโลกแคบแล้วยังเสือกอวดฉลาดอีกนะมึง 555 ดวกส์!

จนกระทั่งได้อ่านหนังสือ “ลาวและนาย” (สำนักพิมพ์ a book) เป็นบันทึกการเดินทางของโบ๊ทและกั๊กสองเพื่อนซี้ที่ชวนกันแบกมอเตอร์ไซค์จ่ายตลาดเกียร์ออโต้ 113 ซีซีขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงไปลงที่สถานีเชียงใหม่ ก่อนจะขี่ปุเลงๆกระเตงกันไปเชียงรายผ่านด่านเชียงของแล้วลัดเลาะไปลาวทางเหนือ ค่อยๆล่องลงใต้ไปเรื่อยๆ ผ่านเมืองหลวงน้ำทา เมืองไชย หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทร์

เที่ยวแบบไปเรื่อยๆ ไปตายเอาดาบหน้า ไปหาเพื่อนข้างทางอะไรแบบนี้ ค่ำไหนนอนนั่น ฐานที่มั่นในการนอนคือวัดและโรงเรียน อาหารจานหลักแบบเซฟคอสต์คือไข่เค็มกับปลากระป๋องและข้าวหุงเองด้วยเตาแก๊สปิ๊กนิก นานๆมื้อถึงจะได้กินอาหารลาวราคาหลายพันกีบแต่คำนวณออกมาเป็นราคาเท่าบ้านเรา ก่อนจะมาจบที่หนองคายไทยแลนด์ ด้วยระยะทาง 1,450 กิโลเมตร เบ็ดเสร็จ 14 วัน หมดค่าซื้อประสบการณ์คนละ 7,500 บาท, อื้อฮือ…นี่มันทริปยั่วความอยากมั้ยล่ะมึง หมดเงินไม่ถึงหมื่นเที่ยวต่างประเทศได้ตั้งครึ่งเดือนเลยนะเว้ย!

จริงๆเนื้อหาในเล่มไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นเท่าไรหรอก ก็ออกแนวบันทึกการเดินทางทั่วไปที่คนเขียนย้ำเหลือเกินว่าจุดหมายไ่ม่สำคัญเท่าบทเรียนและประสบการณ์ระหว่างทาง นัยว่าความลำบากจะทำให้เราเติบโต การเจออุปสรรคนานาการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจะทำให้เราแกร่งขึ้น การเดินทางจะทำให้เราได้เพื่อนใหม่ ได้เห็นคนเยอะขึ้น การเอนจอยกับช่วงเวลาตรงหน้าคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ฯลฯ ซึ่งมันดีแหละ แต่บางบทฉันก็ว่าน่ารำคาญ เพราะคนเขียนพยายามโลกสวยเกิ๊น บวกกับคนเขียนยังใหม่ที่มีใจรักการเขียนและการเดินทาง สำนวนและลีลายังไม่โอ้ลั้นลาสำหรับฉัน แต่ในฐานะนักเขียนหน้าใหม่ทำได้ขนาดนี้ฉันว่าก็สอบผ่านแหละ ไม่แย่เสียทีเดียว

อย่างน้อยๆเขาก็สะกิดเราให้เลิกปฏิเสธโอกาสใหม่ๆที่เข้ามาเคาะประตูชีวิตเสียที อย่าให้คำว่า “เดี๋ยวก่อน” มาเป็นกรงขังจนเราไม่ได้ออกไปจากโซนปลอดภัย หรือถ้าโอกาสยังเต้นฟุตเวิร์กอยู่ระยะไกลจากเรามาก เราก็ต้องเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าไปหามันเอง, ให้เข้าไปใกล้ที่สุดก็ยังดี — ถ้ามัวแต่เดี๋ยวก็คงไปไม่ถึงไหน, จริงไหมล่ะ

แม้จะไม่ปลื้มปริ่มกับเนื้อหาเท่าไร แต่ขอโทษนะคะ ภาพประกอบสี่สีในเล่มสวยฟรุ้งฟริ้งชวนให้เคลิ้มไปกับความเป็นลาวมากๆ (ทั้งที่ลาวก็ชนบทพอๆกับบ้านนอกของฉันนั่นแหละ — #ยังจะย้ำความโลกแคบของตัวเองอีก 555) นอกจากภาพที่เลือกมาลงจะสวยทะลุเลนส์ตาแล้วยังเล่าเรื่องได้ดีอีกต่างหาก นักเขียนถ่ายภาพเก่งกว่าเขียนหนังสืออีก#กราบ

สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นไปอีกคือการ quote เอาคำพูดของคนดังทั่วโลกมาวางไว้ในท้ายบทของแต่ละเรื่อง ซึ่งโดนๆคมๆทั้งนั้น, เมื่อคำคมๆมาผสมกับภาพงามๆทุกอย่างมันเลยลงตัวละมุนละไมละม่อมจนฉันเกิดตรอมใจอยากไปลาวขึ้นมาบ้าง

ในหน้าท้ายบท “มิตรภาพไทย-ลาว” มี quote นี้ของมูฮัมหมัด อาลี ที่ฉันชอบมากจึงอยากยกมาให้อ่านกัน — อะไรที่เกี่ยวกับมิตรภาพมันน็อกความรู้สึกฉันได้เสมอเลย, ไม่รู้ทำไม

“Friendship is the hardest thing in the world to explain. it’s not something you learn in school. But if you haven’t learned the meaning of friendship, you really haven’t learned anything.”

#ไปลาวกันเถอะๆๆ

 

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author