บันทึกลับมารี อองตัวแนตต์

หนังสือ “บันทึกลับมารี อองตัวแนตต์ (The Hidden Diary of Marie Antoinette)” ของสำนักพิมพ์โพสต์บุ๊กส์เล่มนี้เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เนียนสมจริงมาก อ่านไปต้องเตือนตัวเองไปว่านี่คือนวนิยาย ไม่ใช่เรื่องจริง (แต่ก็มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงแหละนะ)

ถ้าใครพอรู้จักประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสช่วงก่อนราชวงศ์ล่มสลายจะอินได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครไม่รู้มาก่อนก็อ่านสนุก เพราะ “แครอลลี อิริกสัน” ผู้เขียนอธิบายสภาพบ้านเมืองและเก็บรายละเอียดแวดล้อมต่างๆในยุคนั้นได้ดีมาก แถม “มนันยา” ผู้แปลก็ยังแปลได้ลื่นไหล อ่านง่าย สำนวนไร้กลิ่นนมเนยให้รำคาญใจ ทั้งยังทำเชิงอรรถให้ความรู้เพิ่มเติมในแง่ประวัติศาสตร์ไว้ตลอดทั้งเล่มอีกด้วยผู้เขียนใช้กลวิธีเล่าเรื่องผ่านมุมมองของมารี อองตัวแนตต์ พระมเหสีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ประเทศฝรั่งเศสด้วยวิธีจดบันทึกตั้งแต่มีพระชนม์มายุ 13 พรรษาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในช่วง 37 พรรษา ที่ถูกคณะปฏิวัติจับประหารชีวิตโดยการตัดคอด้วยเครื่องกิโยตีน เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตอู้ฟู่ จัดปาร์ตี้หรูหรา โหมใส่เครื่องทองหยองเพชรทุกวี่วัน โดยไม่อินังขังขอบกับความอดอยากทุกข์ยากของประชาชน จนมีวลีอมตะว่า “ถ้าไม่มีขนมปังก็ให้พวกเขากินเค้กสิ”

นอกจากจะได้รับความสนุกเพลิดเพลินกับเรื่องราวที่คละเคล้าไปด้วยความสุข ความทุกข์ กิเลส ตัณหา และวิบากกรรมในวาระสุดท้ายของชีวิตพระนางมารีแล้ว ผู้เขียนยังแทรกเกร็ดความรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของเหตุการณ์และบุคคลในประวัติศาสตร์ออสเตรีย, สวีเดน และฝรั่งเศสเป็นระยะ (ผู้เขียนเป็นชาวอเมริกันที่จบเอกประวัติศาสตร์ยุโรป จึงไม่แปลกที่ข้อมูลแน่นมาก) ทั้งยังมีมุกตลกมาเบรกเป็นระยะ เป็นมุกที่ไม่ต้องพยายามเคี่ยวให้ขำแต่เรากลับหัวเราะออกมาเหมือนมีใครมาจี้เอว เช่น ลูกพูดคำแรกได้แล้ว เรียกชื่อ แต่เป็นชื่อพี่เลี้ยง (พระนางมารีเอาแต่เฮฮาปาร์ตี้ ลูกจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับพี่เลี้ยง)

การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของพระนางมารี ง่ายต่อการโน้มเอียงเข้าข้างนาง พอๆกับทำให้เห็นรากของปัญหาทั้งมวลว่าอะไรที่หล่อหลอมให้นางเป็นคนแบบนี้ ผู้เขียนฉลาดมากที่ทำให้เราติดตามเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ตัดสินว่าพระนางมารีดีหรือเลว ทุกคนเป็น “มนุษย์สีเทา” ที่มีทุกมิติ เว้นแต่จะมีมิติไหนมีเฉดสีที่เข้มข้นกว่า แต่หลายๆประโยค หลายๆเหตุการณ์ทำให้เราหมั่นไส้พอๆกับเอาใจช่วยนางแหละนะ

จุดจบของพระนางมารี อองตัวแนตต์และพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ย้ำชัดว่า แม้เราจะหลบหนีเงื้อมมือกฎหมายพ้นแต่ไม่มีใครหลีกเร้นเงื้อมเงาของกฎแห่งกรรมไปได้

ที่สำคัญ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็อย่าได้ริอาจดูถูกพลังของประชาชนเลยเชียว…

 

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author