::: ณ วันที่เรากลายเป็นคนส่วนน้อย :::

::: ณ วันที่เรากลายเป็นคนส่วนน้อย :::

ใครๆก็รู้ว่ายุคนี้การสื่อสารพัฒนามาไกลมาก แค่พิมพ์ตัวหนังสือผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆเราก็รู้ความเป็นไปของกันและกันแล้ว, บางสื่อก็ล้ำมากจนเราเห็นหน้ากันแบบเรียลไทม์แม้อยู่กันคนละซีกโลก

การเขียนจดหมายหรือโปสต์การ์ดหากันกลายเป็นเรื่องแปลกประหลาดในสายตามนุษย์ยุคดิจิทัล, การอดทนและรอคอยดูจะเป็นเรื่องเสียเวลาในยุคที่เข็มนาฬิกาหมุนไวกว่าเวลาจริง

สายวันนี้ฉันเดินเข้าไปที่ทำการไปรษณีย์บ้านไผ่เพื่อส่งโปสต์การ์ดหาเพื่อน 2 คนหลังจากสัญญากันมั่นเหมาะว่าจะร่อนไปหา ฉันกวาดตามองรอบตัวเห็นคนอื่นๆกำลังแพ็กของเตรียมส่งพัสดุใหญ่บ้างเล็กบ้าง บ้างก็นั่งเล่นมือถือฆ่าเวลา บ้างก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสมาร์ตโฟนในมือ, เทคโนโลยีมันเสกความสุขง่ายๆให้คนได้ ฉันมองว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดี

เมื่อเสียงเรียกคิวอัตโนมัติขานหมายเลข 44 ที่ฉันถืออยู่ ฉันก็เดินถือโปสต์การ์ด 2 ฉบับไปยื่นให้เจ้าหน้าที่พร้อมเอ่ยปากขอซื้อแสตมป์สำหรับเอาไว้ส่งหาเพื่อนคนอื่นๆที่ยังรักการเขียนด้วยลายมือเหมือนกันในครั้งต่อๆไป เธอมองหน้าฉันแล้วอมยิ้มเหมือนไม่เชื่อสายตาว่าสมัยนี้จะยังมีคนส่งโปสต์การ์ดอยู่อีกหรือ — แค่ข้อสันนิษฐานของฉันเท่านั้นนะ จริงๆแล้วเธอคิดอะไรอยู่ฉันไม่อาจรู้ได้

หลังจากจัดการติดแสตมป์แล้วฉันก็ยื่นโปสต์การ์ดให้เจ้าหน้าที่ประทับตราไปรษณีย์ ยืนมองจนเห็นกับตาว่าเธอโยงลงถาดลำเลียงพัสดุฉันจึงผละออกมา, ฉันเกรงว่าเธอจะลืมส่งความคิดถึงของฉันที่บรรจุอยู่ในกระดาษใบเล็กๆไปถึงคนปลายทางที่ฉันกำลังคิดถึง

เมื่อเดินลงมาชั้นหนึ่งฉันก็เหลือบเห็นตู้รับจดหมายและสิ่งตีพิมพ์วางอยู่อย่างเงียบเหงาจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูด้วยหวังใจว่าจะเห็นซองอะไรในนั้นบ้าง — ความว่างเปล่าคือสิ่งที่สะท้อนเข้าตาฉัน

คล้ายว่าตู้ใบนี้เป็นเพียงอนุสรณ์การสื่อสารของวันวาน,โลกของการสื่อสารมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ป.ล. มาลุ้นกันเถอะว่าโปสต์การ์ดจากบ้านไผ่จะไปถึงมือพวกเธอโดยสวัสดิภาพหรือไม่ 555

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author