Room ::: โลกยิ่งกว้างยิ่งถ่างระยะห่างระหว่างใจ :::

::: โลกยิ่งกว้างยิ่งถ่างระยะห่างระหว่างใจ :::

เคยได้ยินว่าอย่าประเมินเด็กต่ำเกินไป นอกจากลืมง่ายและปรับตัวเก่งแล้ว พวกเขายังเข้มแข็งมากกว่าที่เราคิด เผลอๆมากกว่าผู้ใหญ่อย่างเราเสียอีก ซึ่งในหนังเรื่อง Room สะท้อนประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี

Room เล่าเรื่องราวผ่านสายตาของแจ็ก เด็กชายวัย 5 ขวบที่เกิดและเติบโตอยู่ในห้องแคบๆที่เปรียบเหมือนคุกสำหรับจอย แม่ของเขา ที่ถูกตาเฒ่านิคจับมาขังเพื่อเป็นเหยื่อทางเพศนานกว่า 7 ปีจนท้องแจ็ก แต่ในห้องเดียวกันนี้มันคือโลกทั้งใบของเขา — นอกจากแม่แล้ว สิ่งของทุกอย่างในห้องล้วนเป็นเพื่อนเล่น

แล้ววันหนึ่งโลกก็พลิกคว่ำคะมำหงายเมื่อจอยหาทางหลอกล่อตาเฒ่านิคจนหลุดพ้นจากขุมนรกแห่งนี้ได้ สู่โลกกว้างใบใหม่ที่แจ็กไม่คุ้นเคย ขณะเดียวกันมันก็เป็นโลกใบเดิมที่จอยรู้สึกแปลกแยกและโดดเดี่ยวยิ่งกว่าตอนถูกขัง — สำหรับจอย การถูกอดีตจองจำไว้ในโลกกว้างมันเจ็บช้ำยิ่งกว่าถูกลืมไว้ในห้องปิดตาย

หนังดีงามในทุกแง่ (แต่แอบดรอปในครึ่งหลังบางช่วง) ทั้งบท ภาพ การดำเนินเรื่อง ดนตรีประกอบ บรรยากาศกดดันในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ความอ้างว้างในโลกใบใหญ่ และฝีมือของนักแสดงที่เอาอยู่ทั้งแม่และลูก, เป็นคู่ที่เคมีเข้ากันมากๆ

นางเอกของเรื่องถ่ายทอดบทบาทแม่ผู้เก็บกด สิ้นหวัง หดหู่ ซึมเศร้า และสับสนได้ดีจนได้เข้าชิงออสการ์สาขานำหญิง (ก่อนหน้านี้ก็ได้รางวัลมาจากเวทีอื่น) แต่ส่วนตัวคิดว่ายังไม่พีคเมื่อเทียบกับการแสดงที่โคตรเป็นธรรมชาติของนักแสดงเด็กที่เล่นเป็นลูก คือได้หมดทั้งดราม่า อารมณ์ขัน ความน่ารักสดใส เกรี้ยวกราดเวลาไม่ได้ดั่งใจ และไร้เดียงสาประสาเยาว์ และอื่นๆ — ซึ่งเขาสื่อออกมาได้ในระดับที่พอเหมาะพอดี ไม่ล้นทั้งที่บทเอื้อให้ล้น

ฉากที่แจ็กเห็นหนูในห้องครั้งแรกกระทบใจมาก ทั้งท่าทางและแววตามันสื่อออกมาจนเราสัมผัสได้ว่าเขาสงสัย ตื่นเต้น และยินดีแค่ไหนที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ซึ่งมีชีวิตและเลือดเนื้อ, ฉากเห็นหมายิ่งเล่นดี คือตาเป็นประกายวิ้งวับมาก, ฉากระเบิดอารมณ์ตะโกนใส่หน้าแม่ว่า I hate you! นี่มาเต็มทั้งโกรธ สับสน น้อยใจ และสารพัดที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจดวงน้อยๆ, ฉากปล่อยโฮรู้สึกผิดที่ขัดคำสั่งแม่กลางดึกคืนหนึ่ง, ตอนฝากผมไปให้แม่โคตรใสซื่อ แต่มันคือฉากน็อกคนดูให้จุกจนน้ำตาไหล, ในมุมมองของแจ็ก ไม่ว่าจะแย่แค่ไหน — แม่ก็คือแม่

แต่ฉากที่บีบหัวใจจนสั่นไหวคือแววตาตื่นเต้น แปลกใจ มึนงง ปนกังขาตอนเขาเห็นท้องฟ้าครั้งแรกหลังหลุดออกมาจากห้องแคบๆนั้นได้ แววตาแบบนี้ทำให้อารมณ์คนดูปั่นป่วนได้โดยที่นักแสดงไม่ต้องดราม่าน้ำตาท่วม

ชอบที่หนังเปรียบเทียบการปรับตัวของเด็กและผู้ใหญ่ในโลกใบนี้ที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม จอยยังยึดติดกับเรื่องเก่า และร้าวรานเมื่อรู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ขณะที่เธอกำลังรบรากับความรู้สึกที่แตกร้าวภายในจนละเลยและหลงลืมว่าลูกต้องการเธอแค่ไหนอยู่นั้น แจ็กที่ไม่ประสาต่อโลกก็ค่อยๆเรียนรู้และปรับตัวได้ จนกลายเป็นเนื้อเดียวกับคนและสังคมรอบข้างที่เขาเคยระแวดระแวงและหวาดกลัว — ใช่, ข้อดีของเด็กที่ผู้ใหญ่ทำไม่ได้คือลืมง่ายและปรับตัวเก่ง

โลกยิ่งกว้างคนยิ่งห่างไกลกัน (กว้างทั้งในแง่กว้างจริงและกว้างเพราะการสื่อสารยุคใหม่ที่ย่อโลกไว้ในสมาร์ตโฟนเครื่องเดียว), เหมือนที่แจ็กเปรยกับยายว่าคิดถึง “ห้อง” ที่จากมา เพราะอย่างน้อยเขากับแม่ก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา — มันเป็นฉากโหยหาความรักและอ้อมกอดที่ไม่ต้องฟูมฟายแต่บีบหัวใจเหลือเกิน

บางที Room ในเรื่อง นอกจากจะเป็นที่ที่กักขังและปลดปล่อยตัวละครแล้ว อาจเปรียบได้กับความเอาใจใส่ระหว่างกัน

ก่อนหน้าที่เราจะมีโอกาสท่องโลกได้อย่างเสรีเรามีเวลาอยู่ด้วยกัน (ทั้งอยู่แบบเห็นหน้าและอยู่ในแง่ความรู้สึก) มากกว่าตอนที่โลกพัฒนากว้างไกลจนถึงขีดสุดอย่างทุกวันนี้…

 

ที่นั่งอยู่ด้วยกันแท้ๆแต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน…

 

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author