Irrational Man :: เราอยู่ในยุคที่ศีลธรรมและปรัชญามีไว้ให้ท่อง ::

::: เราอยู่ในยุคที่ศีลธรรมและปรัชญามีไว้ให้ท่อง :::

Irrational Man คือหนังดี ดูสนุก จิกกัดได้แสบ และจุกมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของ วู้ดดี้ แอลเลน เนื้อหาว่าด้วยเรื่องอาจารย์สอนวิชาปรัชญาผู้มี “ชื่อเสียง” และ “ชื่อเสีย” ที่เบื่อหน่ายชีวิต ไม่อินังขังขอบโลกรอบตัว แถมกามตายด้านอีกต่างหาก จนกระทั่งได้มาเจอกับลูกศิษย์สาว โลกใบหม่นของเขาจึงไม่เหงาอีกต่อไป

อย่างแรกที่อยากชมคือบทหนัง (วู้ดดี้ แอลเลน เขียนบทและกำกับเอง) ทั้งคมและชวนคิด เขาอัดแน่นคำคมๆเก๋ๆจากนักปรัชญาชื่อดังทั่วโลก หนังเดินเรื่องสนุก เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขัน แถมได้นักแสดงนำอย่าง ฮัวควิน ฟินิกซ์ และ เอ็มม่า สโตนมาถ่ายทอดบทอาจารย์หนุ่มใหญ่ผู้หน่ายโลกแต่โคตรมีเสน่ห์น่าค้นหากับลูกศิษย์สาวผู้มุ่งมั่นและดื้อแพ่งด้วยแล้ว ยิ่งส่งให้หนังลื่นไหลเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ชอบที่หนังพูดถึง “ความเห็นแก่ตัว” ของมนุษย์ได้อย่างถึงแก่น แม้เราจะเทิดทูนความรักมากแค่ไหน พอถึงเวลาจวนตัวสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเราจะทำงานเข้มข้นกว่าอย่างอื่นเสมอ เราจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดจากอะไรก็ตาม ต่อให้คนที่เราบอกว่ารักนักหนาจะได้รับผลตอบแทนยังไงก็ไม่แคร์, และแน่นอนว่าถ้าเราทำผิดครั้งแรกได้ ครั้งต่อไปจะง่ายขึ้น และเราจะทำผิดหนักขึ้นเพราะย่ามใจ

Irrational Man

แต่หนังก็ไม่ลืมกระทุ้งเตือนเราว่าทำผิดอะไรไว้อย่าคิดว่าจะหนีรอด อย่างน้อยก็หนีความรู้สึกผิดในใจไม่พ้น, ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้มันเชื่อมโยงกันเสมอ

อีกประเด็นที่น่าสนใจมากคือ หนังชูประเด็น “ศีลธรรม” และ “ปรัชญาชีวิต” มาจิกกัดพวก “มือถือสากปากถือศีล” นัยว่าคนที่วันๆพล่ามแต่เรื่องศีลธรรมและปรัชญาชีวิตคมๆ ดำรงชีวิตด้วยมายาคติ เอาเข้าจริงแม่งทำผิดศีลธรรมสารพัด ทั้งเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน แย่งแฟนคนอื่น ตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นเพียงเพราะ “คิด” ว่าสิ่งที่ตัวเอง “คิด” และ “ทำ” นั้น “ดี” และ “ถูก”

ที่โลกทุกวันนี้มันน่ากลัวและวุ่นวายก็เพราะมีคนคิดว่าตัวเองดีกว่าและเหนือกว่าคนอื่นนี่แหละ, หรือไม่จริง

แต่ก็อย่างว่า เราอยู่ในยุคที่ศีลธรรมและปรัชญามีไว้ให้ท่อง, ไม่ได้มีไว้ให้ทำ

 

 

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author