Forrest Gump :: ความรักที่ไร้ข้อสงสัย

Life is like a Box of chocolate.
You’ll never know what you gonna get .

อนาคต เป็นปริศนามืดมิดตลอดกาล สำหรับมนุษย์…

แต่ชายชื่อ ฟอร์เรสต์ กัมป์ ได้ชิมช็อคโกแลต
รับรู้รสชาติขม-หวาน ของมันไปบ้างแล้ว
ก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มเล่าชีวิตให้ผู้คนแปลกหน้าตรงป้ายรถเมล์ฟัง

ถ้าเราเปรียบ”สมอง” เป็น”ความฉลาด” แล้ว
”หัวใจ”ของชายที่ไม่ค่อยฉลาดอย่างฟอร์เรสต์ กัมป์ ก็น่าจะเปรียบเป็น “ความรัก”นั่นเอง
ในชีวิตของฟอร์เรสต์ กัมป์ เขารักใครบ้าง?

แม่, เจนนี่ ,บั๊บบ้า, ผู้หมวดแดน และในที่สุด ลูกชายของเขาเอง ผู้คนนอกเหนือจากนั้น เขาก็รักอยู่หรอก รักแบบรูปเงาคว้าจับไม่ได้ รักแบบเพื่อนร่วมโลก รักเหมือนกุ้งที่เขาจับได้ รักเหมือนเงินที่เขาได้จากการขายกุ้ง แล้วเขาก็ยกมันให้กับแม่ของบั๊บบ้า และผู้หมวดแดนที่ฟอร์เรสต์บริจาคเงินให้โบสถ์ และโรงพยาบาล ไม่ใช่เพราะคิดจะช่วยโลกนี้ให้เป็นสถานที่น่าอยู่มากขึ้นแบบนักสังคมสงเคราะห์ ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีสมอง แต่เพราะเขาไม่มีความผูกพัน เขาไม่คิดจะทำอะไรให้ใคร เพราะคนอื่นก็ไม่เคยทำอะไรให้เขา

ฟอร์เรสต์ กัมป์ เป็นคนเหงา เขานั่งอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว เขาคุยกับคนที่เขาไม่รู้จักตรงป้ายรถเมล์ เวลาที่อยู่ในเรือกุ้ง เขาก็อยู่คนเดียวเป็นเวลานานๆ อยู่กับพระอาทิตย์ที่กำลังตกน้ำ

ฟอร์เรสต์ กัมป์ ดูเหมือนไม่มีความทุกข์ แต่เขาก็ไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน เขาอาจจะยิ้มแต่ใครเคยเห็นเขายิ้มสุดหัวใจแล้วหงายหลังตกน้ำแบบผู้หมวดแดนบ้าง เขาอาจจะไม่ทุกข์ระทมตรอมตรมเหมือนเจนนี่ เพราะเขาไม่ได้อยากเป็นนกเพื่อจะได้บินไปจากที่ๆเขาไม่อยากอยู่ แต่เขาไม่ได้มีความสุขหรอก…

ความสุขของฟอร์เรสต์อยู่ที่เจนนี่ หรือ พูดอีกอย่าง ความสุขของเขาอยู่ที่”ความรัก”

ในสายตาของฟอร์เรสต์ ผู้คนร่วมโลกมีคุณค่าความสำคัญเสมอภาคความเป็นคนเท่ากันหมด ไม่ว่าจะประธานาธิบดี , ชายผิวดำ, หญิงผิวเหลือง ,ผู้หมวดแดนขาพิการ ต่างก็มีความหมายในชีวิตฟอร์เรสต์เทียบเท่ากัน จะมีก็เพียงความรักเท่านั้น ที่ทำให้ แม่ กับ เจนนี่ ผิดแผกกว่าคนอื่น
กระทั่งวันที่ฟอร์เรสต์นั่งเดียวดายอยู่ในเรือมองพระอาทิตย์ตกน้ำที่ระยิบระยับราวดาวล้านดวง ระหว่างวิ่งสุดขอบฟ้าสุดแผ่นดินเพื่อถมหัวใจที่ว่างเปล่า จนถึงวันเวลาที่จิตใจสงบสุข “ที่สุด”ที่หัวใจดวงซื่อของฟอร์เรสต์จะทำได้ คือ คิดถึงคนที่เขารัก
อย่าถามถึงสาเหตุที่ฟอร์เรสต์ ยึดมั่นรักเจนนี่ โดยไม่เคยตั้งข้อคลางแคลงใจ อาจเพราะเจนนี่เป็นคนแรกที่ยอมให้ฟอร์เรสต์นั่งด้วยในรถโรงเรียน อาจเพราะเจนนี่เป็นคนแรกที่ชวนเขาคุย

อาจเพราะเจนนี่เป็นคนแรกที่จับแขนฟอร์เรสต์แล้วบอกว่า

“อยู่กับฉันอีกเดี๋ยวเถอะ”

จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ความรักไร้ข้อสงสัยของฟอร์เรสต์เกิดขึ้นแล้ว และดำรงอยู่ตลอดเวลาช่วงชีวิตเดียวของเขา เมื่อฟอร์เรสต์พบเจนนี่ที่เมืองหลวง เขาเรียกขณะนั้นว่า “นาทีที่มีความสุขที่สุดในชีวิต” เมื่อฟอร์เรสต์มีเจนนี่อยู่ร่วมบ้าน เขาเรียกช่วงเวลานั้นว่า “ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต”…ราวกับสุดขอบสวรรค์ where heaven ends อยู่ตรงหน้า เมื่อฟอร์เรสต์ บอก เจนนี่ ว่า
“ผมรักคุณ”
“คุณไม่รู้หรอกว่า ความรักคืออะไร” เจนนี่ ตอบ
“ถึงผมจะไม่ฉลาด แต่ผมรู้ว่า ความรักคืออะไร”

ฟอร์เรสต์ ผู้มั่นคง กล่าวในภายหลัง

…เจนนี่ต่างหาก ไม่รู้ว่า ความรัก เป็น”หน้าที่”ของชีวิต
เจนนี่ “รัก” ฟอร์เรสต์ในค่ำคืนหนึ่ง นั่นไม่ควรถูกเรียกว่า “ของตอบแทน” เพราะมันเป็นการแสดงออกของความรักอย่างหนึ่ง เจนนี่ทำสิ่งที่เธอทำได้…เธอ”รัก” ฟอร์เรสต์ได้เท่านั้น เธอถึงได้จากไปในเช้าวันรุ่งขึ้น

…เมื่อฟอร์เรสต์ตื่น แม้ไอคิวแค่ 75 ฟอร์เรสต์ยังรู้ว่า เจนนี่จากไปแล้ว

ฟอร์เรสต์ทำสิ่งที่เขาทำได้เช่นเดียวกัน เขาเริ่มออกวิ่งในเช้าวันนั้น ด้วยรองเท้าคู่ที่เจนนี่ซื้อให้เป็นของขวัญ ในวันเวลาเช่นนั้น คนเราต้องทำบางสิ่งเพื่อปลดปล่อยความบอบช้ำ ฟอร์เรสต์คิดแค่ อยากวิ่งจึงวิ่ง ถ้าถาม หาเหตุผล มันก็เรียบง่ายและไม่มีคุณค่าใดๆ หากว่า นั่นเป็นการแสดงออกของ”ใจ”ดวงร้าวที่เจ็บปวดอับจน หนทางจะร่ำร้องอื่นใด

…ไม่ใช่เจนนี่คนเดียวหรอก ที่”หนี”สุดแผ่นดิน แผ่นฟ้า หวังจะถมหัวใจว่างเปล่าให้เต็มตื้น
ฟอร์เรสต์ อาจวิ่งเพราะเป็นสิ่งที่เจนนี่บอกให้เขาทำ และอาจวิ่งเพื่อประกาศความรักที่มีต่อเธอ อาจวิ่งเพราะเป็นสิ่งเชื่อมโยงความรู้สึกให้ใกล้ชิดเธอที่สุด ฟอร์เรสต์วิ่งๆๆๆ สุดแผ่นฟ้า สุดแผ่นดิน ยังไม่ไกลพอจะถมหัวใจว่างเปล่าให้เต็มตื้น
ขณะฟอร์เรสต์วิ่งไปตามทางเท่าที่เท้าและถนนจะนำไป ระหว่างวิ่ง เขาบรรยายความรู้สึกว่า คิดถึงแม่,คิดถึงบั๊บบ้า ,ผู้หมวดแดน เหนืออื่นใด เขาคิดถึงเจนนี่

รอจนหัวใจคลายโศก ประโยคของแม่ที่บอก
Put the past behind, before you move out จึงถูกประกาศออกมา

ฟอร์เรสต์ไม่เคยตั้งคำถามกับโลกว่า ทำไมทำกับเขาอย่างนี้ เขาเพียงแต่ทำสิ่งที่แม่บอก
“ทำให้ดีที่สุดที่ทำได้ ทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่พระเจ้าให้มา”
และเมื่อรู้สึกเสร็จสิ้น ฟอร์เรสต์ก็”กลับบ้าน” เหมือนทุกครั้ง
แต่ไม่ใช่เพราะได้คำตอบแล้ว แค่”เหนื่อย” และ”ปลดวาง” ความรู้สึกไประดับหนึ่ง
รอจน ฟอร์เรสต์ได้อยู่ร่วมกับเจนนี่อีกครั้ง…

บ่ายวันที่ฟ้าโปร่ง ฟอร์เรสต์เล่าให้เจนนี่ฟังถึงค่ำคืนที่เวียดนาม ที่ฝนหยุดแล้วดาวกระจ่างเต็มฟ้า,ยามเย็นในเรือกุ้งที่พระอาทิตย์ตกน้ำสุดขอบฟ้า , บ่ายที่ท้องน้ำทะเลสาบบนยอดเขาใส เสียจนสะท้อนเห็นเป็นสองท้องฟ้า และ รุ่งเช้าตะวันเรืองแดดที่ทะเลทราย …ทุกเวลาที่โลกสวย โลกสวยจนเขาสงสัยว่า ระหว่างแผ่นฟ้ากับแผ่นดิน ตรงไหนหนอ คือ สุดขอบสวรรค์ …

“ฉันอยากอยู่ที่นั่นกับคุณจริงๆ “ เจนนี่ พูด
“คุณอยู่…” ฟอร์เรสต์ยืนยัน ตาซื่อคู่นั้น จริงจังอย่างที่เคยเป็นมา

ยังต้องถามอีกหรือว่า Where heaven ends ของฟอร์เรสต์อยู่ที่ไหน?
ความรักของฟอร์เรสต์อยู่รอบตัวเจนนี่ เมื่อเธอตายไป แม้เขาจะมีลูกคอยปลอบใจ แต่ฟอร์เรสต์ก็ไร้สิ้นแล้ว เขาไร้สุข ไร้ชีวิต แน่นอน เขารักลูก แต่ก็เป็นความรักอีกแบบหนึ่งแบบที่เขาเคยรักแม่ แต่ไม่เหมือนรักเจนนี่และอยู่คนละเขตแดน ดินแดนที่เจนนี่ไปแล้ว ฟอร์เรสต์ไม่อาจตามไปได้ และดินแดนที่เจนนี่เคยอยู่ก็ไม่มีใครมาแทนที่ได้

…เช้าวันแรกที่ลูกชายไปโรงเรียน ฟอร์เรสต์ส่งลูกที่ป้ายรถหน้าบ้าน เขาบอกลูกว่า

“I‘ll be right here.”

ประโยคสั้นๆ ง่ายๆ สรุปเส้นทางยาวไกลของชายคนนี้ ฟอร์เรสต์ กัมป์ได้หยุดวิ่งตั้งคำถามกับโลกใบนี้แล้ว
ฟอร์เรสต์บรรลุถึงปลายทาง Where heaven ends แห่งหนที่หัวใจได้ปลดวางคลายอาการเฝ้าค้นหา สถานที่ซึ่งใจเขาประจักษ์ พบคำตอบของคำถามชีวิตอันยาวไกล เมื่อความรักทั้งหมดทั้งปวง ที่เขามีต่อแม่ มีต่อเจนนี่ จมหายกลายเป็น”หนึ่งเดียว” ส่งมอบต่อไปยังลูกชาย

“Where heaven ends” อยู่ใกล้แค่ป้ายรถหน้าบ้านที่เขาส่งลูกชายไปโรงเรียนนั่นเอง ….

ภาพยนตร์ Forrest Gump ของผู้กำกับฯ โรเบิร์ต เซมิคิส เต็มไปด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมมนุษย์ ผู้ต่อสู้ในโลกแห่งพรหมลิขิตที่เชี่ยวกราด

หลังจากที่อเมริกันชนเคยแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ ในภาพยนตร์ท้าทายธรรมชาติ (หรือจะเรียกว่า “พระเจ้า” , “โลก” ฯลฯ) ทั้งหลาย ได้ประกาศความเชื่อมั่นข้อนี้มาแล้วนักต่อนัก แต่นิยาย Forrest Gump ของ วินสตัน กรูม ได้เปิดทางแสดงท่าทีถ่อมตัว เหนื่อยล้า และยอมจำนนต่อโลกและธรรมชาติมากขึ้น

และเมื่อเปลี่ยนเป็นสื่อภาพยนตร์ บทหนังก็ถูกเติมเรื่องราวของความรัก ความโรแมนติกเข้ามา โดยเสริมความเด่นของตัวละคร เจนนี่ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเล่าเรื่องมากขึ้น ถ้านิยาย Forrest Gump คือ เรียกร้องศรัทธาใน”ชีวิต” ตัวละครฟอร์เรสต์ฉบับภาพยนตร์ได้เรียกร้องให้เราศรัทธาใน “ความรัก”

ฟอร์เรสต์ ไม่เคยพูดคำสวยหรูประเภท “ศรัทธาในชีวิต ศรัทธาในรัก” แต่ผู้ชายโรแมนติกคนสุดท้ายของโลกชื่อ ฟอร์เรสต์ กัมป์ คนนี้ ประกาศคำพูดนี้ไว้ในทุกการกระทำ ทุกลมหายใจ

วิธีที่ฟอร์เรสต์คบหาคนอื่น แสดงถึงความศรัทธาในมนุษย์อย่างที่สุด ฟอร์เรสต์ผู้เชื่อทุกคำสั่งของคนอื่น ปฏิเสธคำสั่งของผู้หมวดแดนเวลาเดียวเท่านั้น คือ ยามที่ผู้หมวดแดนสั่งให้ทิ้งเขาไว้ในสมรภูมิเวียดนาม ฟอร์เรสต์รั้นที่จะช่วยชีวิตผู้หมวดแดน และเพื่อนๆ , ไม่ว่า บั้บบ้าจะตายแล้วหรือยังอยู่ คำสัญญาที่ฟอร์เรสต์ให้ไว้กับบั้บบ้าไม่ได้เปลี่ยนแปร และไม่ว่า ผู้หมวดแดนจะมีขาทั้งคู่อยู่หรือไม่ ผู้หมวดแดน ยังคงเป็นผู้หมวดแดนสำหรับฟอร์เรสต์อยู่เหมือนเดิม

กระทั่งผู้หมวดแดนที่ไม่เคยกล่าวคำว่า ขอบคุณ …สำหรับฟอร์เรสต์มันไม่ได้แตกต่างกัน ฟอร์เรสต์เพียงแค่พอใจที่ผู้หมวดแดนยังมีชีวิตอยู่ และในวันที่ผู้หมวดแดน “คืนดีกับพระเจ้า”…ฟอร์เรสต์ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เขาแค่รับรู้ว่า วันเวลานั้น “ใจ”ของผู้หมวดแดนได้แต่งเติมขาที่ขาดพร่องคู่นั้นให้ครบถ้วนแล้ว ผู้หมวดแดนที่เคยด่าทอ กล่าวโทษฟอร์เรสต์มาตลอด โทษฐานที่ช่วยชีวิตเขาไว้ บัดนี้ฟอร์เรสต์ได้ร่วมยินดีที่ผู้หมวดแดนได้มีวันเวลาแห่งความปิติยินดี ..ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่

ธรรมชาติของมนุษย์เป็นเช่นนี้เองหรือ? ผู้หมวดแดนไม่เคยกล่าวคำว่า ขอบคุณ ฟอร์เรสต์ไม่เคยร่ำร้องขอให้เจนนี่อยู่กับเขานานกว่านี้ แต่ทุกการกระทำของฟอร์เรสต์มีคำพูดนี้อยู่ตลอดเวลา …ชั่วชีวิต

มนุษย์เสียเวลาในชีวิตไปมากมายกับคำพูดว่างเปล่าที่สมองสั่งให้พูด สมองสอนให้คิด
แต่”คำพูด”ที่หัวใจอยากเอ่ยนั้น ลึกเกินกว่าจะหลุดปากออกมาได้

มีสักกี่ครั้งที่เราพูดสิ่งที่”ใจ” สั่ง …
มีสักกี่ครั้งที่เรารู้เท่าทันตัวเองอย่างแท้จริง กี่ครั้งแล้วที่เราสร้างความซับซ้อนให้กับชีวิตตัวเอง กี่ครั้งแล้วที่เราร้องไห้ มิใช่เพราะทุกข์โศก แต่ร่ำร้องเพื่อการอื่น กี่ครั้งที่เราแต่งเติมชีวิตจนเกินเลยไปกว่าที่เป็น ทั้ง รัก,โศก และสุข
…กี่ครั้งกันที่”ใจ”ได้บงการ โดยไม่ผ่านสมองคิดแต่งแต้ม

เราได้พบเห็นชีวิตที่ลิขิตไม่ได้ของทุกคน เจนนี่ผู้อยากเป็นนก ,ผู้หมวดแดนผู้อยากตายในสงคราม ,บั้บบ้าผู้อยากมีเรือกุ้ง และฟอร์เรสต์ผู้ไม่เคยอยากเป็นอื่นใดนอกจากรักเจนนี่ แต่ไม่มีใครได้ทุกอย่าง กระทั่งฟอร์เรสต์ ซึ่งดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่เขาก็ยังผิดหวังในความรัก และใช้ช่วงเวลาชีวิตหนึ่งหมดไปกับความคิดถึงเธอ
เราได้เห็นผู้คนที่สับสนกับชีวิตอย่างเจนนี่ และชัดเจนในสิ่งที่ตนเองต้องการเป็นอย่าง บั้บบ้า,ผู้หมวดแดน แต่ไม่ว่าจะมุ่งมั่นค้นหา หรือ ปล่อยวางตามสายลมชีวิต มีใครบ้างที่ได้ทุกอย่างดังใจหวัง

“คนเราลิขิตชีวิตตัวเอง” ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามแผน – ผู้หมวดแดนประกาศในคืนที่กระชากฟอร์เรสต์ตื่นจากฝัน
หรือ ล่องลอยไปตามสายลม – แม่ที่ตายไปในวันพฤหัสบอกฟอร์เรสต์ ว่า “ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”

“ผมว่า ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน” ฟอร์เรสต์สรุป ตรงหน้าหลุมฝังศพของเจนนี่
destiny – ชะตากรรม ยิ่งใหญ่และอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของมนุษย์ชั่วนิรันดร์

“ขนนก” ปลิดปลิวตามสายลมสื่อถึงชีวิตที่ล่องลอยไปกับสายลมไร้หนทางที่มนุษย์จะบังคับทิศทาง
ยังต้องการถกเถียงกันอีกหรือว่า ใครอยากเป็นนก หรือ อยากเป็นขนนก

ต้องถกเถียงอีกหรือว่า “นก”กับ”ขนนก” ใครทุกข์กว่ากัน  ใครๆ ก็อยากมีสุข แต่ใครบ้างที่หนีทุกข์พ้น ไม่มีใครหนีทุกข์พ้น กระทั่งฟอร์เรสต์ กัมป์
“ขนนก” นั้นมันจะสุขได้อย่างไร เมื่อมันต้องพรากจากตัวนก มันจะลอยหรือมันจะหล่นเพราะแรงลม มันจะลอยคว้างหรือคลุกฝุ่นจมดิน มันก็แค่ ขนนก มันไม่ใช่ปีกนก มันไม่ใช่ตัวนก…ฟอร์เรสต์จะมีสุขได้เมื่อมีเจนนี่เท่านั้น เธอคือ ความสุขของเขา

สายลมแห่งอนาคต อันคาดเดาไม่ได้ พัดผ่านชีวิตทุกคน สายลมแห่ง destiny กระโชกแรงเกินกว่ามนุษย์จะไม่ซวนเซ ศาสนาอาจจะมีไว้ให้ยึดเหนี่ยว แต่ชีวิตก็ยังเต็มไปด้วยวันเวลายาวนานอยู่กับความคลางแคลงใจ

…แต่มองโลกด้วยสายตาของ ฟอร์เรสต์ กัมป์ คือ มองโลกด้วย”ความรัก”

เพราะฟอร์เรสต์ยึดมั่นศรัทธาใน”ความรัก” เขาจึงใช้ชีวิตอย่างปราศจากความเคลือบแคลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อเด็กเขาเชื่อมั่น platonic love ของแม่ โลกใบนี้จึงไม่มีอะไรน่าหวาดกลัวสำหรับเขา และเมื่อโตขึ้น เขาก็ยึดมั่นใน romantic love เจนนี่ของเขาสวย สะอาด มีค่าสูงส่งสำหรับเขาเสมอ แม้กระทั่งสิ้นเธอไป รักของเขาก็ยังคงอยู่ เพียงแต่กลายสภาพสู่ platonic love มอบให้ลูกชาย

เพราะฟอร์เรสต์ไม่มีสมอง “ใจ” จึงบงการให้เรายืนหยัดมั่นคงอยู่ท่ามกลางสังคมและโลกที่แปรเปลี่ยน
เพราะรักแม่ฟอร์เรสต์จึง “ศรัทธาในการมีชีวิตอยู่”
เพราะเจนนี่ ฟอร์เรสต์จึง “ศรัทธาในความรัก”

และเพราะความรักที่หลอมรวม ฟอร์เรสต์ กัมป์ จึงสืบทอดความรักจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งอย่างสมบูรณ์
มองโลกด้วยสายตาของ “ฟอร์เรสต์ กัมป์” มองโลกด้วยสายตาของ”ความรัก”…
มองโลกด้วยสายตาเช่นนี้ ได้เมื่อไร โลกใบนี้ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป1210318016_forrest_gump_l

…………………………………….

Overview
Director: Robert Zemeckis

Writers (WGA):Winston Groom (novel)
Eric Roth (screenplay)

Release Date:6 July 1994 (USA) more
Genre:Comedy | Drama | Romance more

Awards: Won 6 Oscars. Another 32 wins & 38 nominations more

Cast (Cast overview, first billed only)

Tom Hanks … Forrest Gump
Robin Wright Penn … Jenny Curran (as Robin Wright)
Gary Sinise … Lt. Dan Taylor
Mykelti Williamson … Pvt. Benjamin Buford ‘Bubba’ Blue
Sally Field … Mrs. Gump

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author