::: เมื่อเราใช้ “สิทธิส่วนบุคคล” เพียงเพราะไม่อยากเชย :::

มันก็ตลกดีที่เราแสดงความ “กลวง” ออกมาในลักษณะของคนที่เฮโลตามกระแสแบบนี้ แบบที่ว่าทำทำไมไม่รู้ รู้แต่ว่าคนอื่นก็ทำ เลยต้องทำ/เลยทำบ้าง — บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกยังไงที่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วหลายคนก็ไม่ได้อินกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาแค่อินต่อกระแสในโลกโซเชียลมีเดียที่ตัวเองรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่ในนั้น เพราะในโลกจริงมักถูกมองข้าม และไร้ตัวตน, ก็แค่นั้น

1.
คนทั่วโลกต่างโศกเศร้าสะเทือนใจต่อเหตุกราดยิงหลายจุดที่ปารีส ฝรั่งเศสจนมีผู้เสียชีวิตร้อยกว่าคนเมื่อวาน การก่อการร้าย (หรือแล้วแต่ใครจะเรียก) แบบนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป — ประเทศไทยเองก็เพิ่งเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 58 ที่ผ่านมา, เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่ลืม

ทั่วโลกต่างประณามผู้ก่อเหตุ ร่วมแสดงความเสียใจ เห็นใจ และเอาใจช่วยฝรั่งเศสให้สถานการณ์กลับคืนสู่ปกติในเร็ววัน — การส่งกำลังใจที่ทำได้ง่ายและเข้ากับยุคสมัยโลกไร้พรมแดนที่สุดคงไม่พ้นการเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ในโซเชียลมีเดีย

2.
สองวันมานี้ในหน้านิวส์ฟีดกว่า 80% ของฉันละลานตาไปด้วยภาพโปรไฟล์ของเพื่อนร่วมลิสต์ที่เปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีธงชาติฝรั่งเศส, ใช่ ทุกคนต่างเห็นอกเห็นใจและอยากมีส่วนร่วมในการส่งกำลังใจไปให้เพื่อนร่วมโลกที่มีสัญลักษณ์เป็นหอไอเฟลแห่งนี้ — ฉันว่ามันน่ารักดีนะ เพราะมีไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เราจะได้ทำอะไรร่วมกันแบบนี้, โดยสมัครใจ

แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ทำเพียงเพื่อไม่อยากตกกระแส บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจตนาในการทำที่แท้คืออะไร เหมือนๆกับหลายเหตุการณ์ที่ทำเพราะ “ไม่อยากตกขบวน” รับไม่ได้ที่ถูกมองว่าเอาต์ว่าเชย

ฉันอ่านเจอคอมเมนต์หนึ่งในบางสเตตัสที่บอกว่าไม่ได้ตามข่าวฝรั่งเศส แต่เปลี่ยนเพราะเห็นเพื่อนเล่าให้ฟัง เลยเปลี่ยนบ้าง

จะว่าไปมันคือ “สิทธิ” ในแง่ปัจเจกชนแหละนะ ใครใคร่ทำอะไรทำ ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น (คนที่ไม่เปลี่ยนภาพโปรไฟล์ฉันก็ไม่เห็นว่าผิดแปลกตรงไหน เพราะต่อให้ไม่เปลี่ยนแต่บางคนตามข่าวละเอียดยิบชนิดนาทีต่อนาทีเลยทีเดียว)

แต่ในแง่หนึ่งฉันคิดว่ามันก็ตลกดีที่เราแสดงความ “กลวง” ออกมาในลักษณะของคนที่เฮโลตามกระแสแบบนี้ แบบที่ว่าทำทำไมไม่รู้ รู้แต่ว่าคนอื่นก็ทำ เลยต้องทำ/เลยทำบ้าง — บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกยังไงที่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วหลายคนก็ไม่ได้อินกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เขาแค่อินต่อกระแสในโลกโซเชียลมีเดียที่ตัวเองรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่ในนั้น เพราะในโลกจริงมักถูกมองข้าม และไร้ตัวตน, ก็แค่นั้น

3.
ทุกวันนี้เราต่างก้าวมาสู่ยุคที่อยากให้คนอื่นหันมาจับจ้องเราเป็นตาเดียว เราอยากให้คนอื่นรู้ว่าเราคิด พูด และทำอะไร มากกว่าอยากรู้ความเป็นไปรอบตัว หรือสิ่งที่เกิดขึ้นต่อโลกใบนี้จริงๆเสียอีก, เราทุกคนนั่นแหละ

อย่างไรก็ตาม ขอให้พวกเรา ประเทศของเรา และโลกของเราสบายดี…

ป.ล. เผื่อใครมัวแต่อินข่าวฝรั่งเศสจนอาจไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดเหตุวางระเบิดที่เลบานอน มีเหตุประท้วงที่เกาหลี และมีเหตุกราดยิงนักเรียนนักศึกษาที่เคนย่าซึ่งมียอดผู้เสียชีวิตร้อยกว่าคนตามลิงค์นี้

http://www.bbc.com/news/world-africa-32169080

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author