::: สิ่งที่เรียกว่าคุณค่าทางใจ :::

::: สิ่งที่เรียกว่าคุณค่าทางใจ:::

แม่มักมีเรื่องเซอร์ไพรส์ฉัน แม้จะนานๆครั้งแต่ปังทุกที, วันนี้ก็เช่นกัน…

หลังจากคุยกันสัพเพเหระ ทั้งเรื่องการเมืองพม่า เรื่องเหตุกราดยิงที่ฝรั่งเศส เรื่องถุงเงิน แมวที่แม่รักเหมือนลูก (รองจากฉัน) และเรื่องเพื่อนบ้านละแวกร้านของแม่แล้ว แม่ก็วกมาถึงเรื่องในบ้านของเรา

แม่เล่าว่าตอนนี้ลูกสาวของน้า (ตามศักดิ์ก็คือน้องสาวฉัน) ได้งานทำแล้ว หลังจากตกงานมาหลายเดือน น้ำเสียงแม่ยินดีจนปิดไม่มิด เพราะเอาใจช่วยหลานสาวคนนี้มาตลอด ฉันนั่งฟังพลางจิ้มแตงโมเข้าปากไปพลาง เออออบ้างเมื่อถึงประเด็นที่เห็นด้วย แม่บอกด้วยว่าน้องแบ่งเงินเดือนเดือนแรกของที่ทำงานใหม่ให้น้าใช้ด้วย, แม้จะเป็นเงินไม่มากแต่น้าดีใจใหญ่ แม่เองก็ดีใจ

แล้วแม่ก็วกเข้ามาหาเรื่องของเรา

“รุ่งรู้มั้ย เงินแบงก์แรกที่รุ่งให้แม่ แม่ไม่เคยใช้เลยน้าาา แม่เก็บไว้เป็นขวัญถุง”

“จริงอ้ะ ไหนๆๆ เอามาดูหน่อย” ฉันแปลกใจ เลยขอดู

แม่กุลีกุจอหยิบแบงก์ร้อยออกมาจากถุงพลาสติกที่เก็บสารพัดสิ่งคล้ายเป็นถุงสารพัดนึก ฉันคลี่แบงก์ออกดู, แล้วภาพเมื่อ 14 ปีก่อนก็กลับมาฉายชัดอีกครั้ง

ฉันจำได้, ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ปี 1 อยู่หอว่างๆเสาร์-อาทิตย์เพื่อนเลยชวนไปทำงานพาร์ตไทม์แปะสติ๊กเกอร์วันละ 200 แถวสาธุประดิษฐ์ ตอนนั้นได้เงินมา 800 ฉันเอาไปซื้อของที่อยากได้ และเอาไปให้แม่ 100 คืออยากอวดแม่ว่าฉันหาเงินได้แล้ว (จริงๆคือได้แค่นั้นแหละ นอกนั้นก็แบเงินขอแม่จนเรียนจบ 555+ พอเริ่มทำงานฉันถึงได้มีโอกาสดูแลแม่บ้าง)

เพิ่งรู้วันนี้ว่าแม่เก็บแบงก์นั้นไว้ ไม่เคยใช้เลย ดูจากสภาพที่นอกจากจะเก่าเยินด้วยกาลเวลาแล้ว ฉันเดาว่าแม่คงหยิบออกมาดูอยู่บ่อยๆ, ตรงมุมล่างซ้ายแม่เขียนวันเวลาและที่มาของแบงก์นี้ไว้ตัวเบ้อเร่อราวกับกลัวว่าจะลืมที่มาของมัน

“4 มี.ค. 44 รุ่งแบงก์แรก”

ฉันเพิ่งรู้ว่าเงินร้อยบาทแรกของฉันในวันนั้นมีคุณค่าทางใจต่อแม่มากมายถึงเพียงนี้ มันหล่อเลี้ยงใจแม่มาตั้ง 14 ปีเชียวนะ

และตอนนี้ความสุขความภูมิใจของแม่ก็กำลังหล่อเลี้ยงใจฉันเช่นกัน

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author