ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต…แด่ชาวเรา, ผู้บอดใบ้ หลงทาง และแหว่งวิ่น

:: ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต…แด่ชาวเรา, ผู้บอดใบ้ หลงทาง และแหว่งวิ่น :::

ในหน้าประวัติผู้เขียนระบุตรงอาชีพหลักว่า แม่ของหนุ่มน้อยหนึ่งคนกับแมวเจ้าอารมณ์สี่ตัว, อาชีพรอง ทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ ขายของออนไลน์ เขียนหนังสือ กำกับศิลป์ ออกแบบ, งานอดิเรก อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นกับไฟ

ข้างต้นชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นวัตถุดิบชั้นยอดในการนำมาปรุง “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” เพราะทุกอย่างที่กล่าวมาถูกย่อยและยำใส่ในเนื้อหาพร้อมสรรพ ด้วยเสน่ห์ปลายนิ้วของวีรพร นิติประภา จนทำให้นวนิยายเรื่องนี้มีรสจัดจ้าน บางคำก็กลมกล่อม หลายคำละมุนลิ้น บางคำพาเราล่องลอยเหมือนกินปุยเมฆ แต่โดยรวมคือมีรสนิยมและหากินยาก จึงไม่แปลกที่นวนิยายเล่มนี้จะคว้ารางวัลซีไรต์ประจำปี 2558 ไปครองด้วยมติเป็นเอกฉันท์ — นอกจากเรื่อง “กาหลมหรทึก” กับ “พิพิธภัณฑ์เสียง” แล้ว ฉันเชียร์เล่มนี้ด้วย

พล็อตเรื่องไม่มีอะไรมาก แทบจะเป็นพล็อตละครน้ำเน่าหลังข่าวช่องเจ็ดที่ว่าด้วยเรื่องปัญหาครอบครัว รักสามเส้า ร้าวราน เลิกรา โหยหา ผลักไส คืนดี เพ้อฝัน โรแมนติก ขัดแย้ง สับสน หลงทาง บอดใบ้ ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ฯลฯ, แต่ในรายละเอียด สิ่งที่ “แฝง” ไว้ในเนื้อเรื่อง และลีลาการเล่าเรื่องของผู้เขียนต่างหากที่มีเสน่ห์จนทำให้คุณวางนวนิยายน้ำเน่าเล่มนี้ไม่ลง

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าผู้เขียนมี “วัตถุดิบในตัว” หรือเรียกภาษาตลาดว่า “มีของ” ฉากทุกฉาก เพลงทุกเพลง อาหารทุกเมนู และภาพทุกภาพที่กล่าวถึงในเรื่อง ผู้เขียนปล่อยของเต็มที่, เปล่า เธอไม่ได้แอบอ้างตัวเองว่าเป็นนางเอก แต่ฉันสัมผัสได้ว่าเธอเอาประสบการณ์และรสนิยมทั้งหมดของตัวเองมายำใส่ลงไปในชีวิตของตัวละคร — นี่ไงที่เขาว่าเขียนเรื่องใกล้ตัวมันจะทำให้เรื่องเรียลและลึก

เนื้อหาโดยรวมมันพาฉันไหลเข้าไปท่องในโลกของตัวละคร ถูกจริตจนไม่รู้จะติตรงไหน (ติหน่อยก็ได้, ฉันขัดใจกับการนำเสนอบทสนทนาของตัวละครที่ใช้เครื่องหมาย / แทนเครื่องหมาย “…” แต่เพราะความโดดเด่นด้านสำนวนภาษาของผู้เขียนฉันจึงมองข้ามตรงนี้ไปได้, สำหรับฉันมันเด่นกว่าเนื้อเรื่องอีก) เธอเก่งในการใช้คำ เธอเปรี้ยวในการประดิดประดอยถ้อยคำ เธอมีคลังคำในหัวเยอะมาก ที่สำคัญคือภาษาเธอสวยมาก มันลื่นไหลและรุ่มรวยในทุกกรณี, ท่ามกลางยุคที่นักเขียนหน้าใหม่ใช้คำแบบทื่อๆลุ่นๆ คุณวีรพรทำให้ฉันรู้สึกว่าภาษาไทยมีเสน่ห์และยิ่งรักษาไทยมากขึ้น — ฉันทั้งทึ่งและเพลิดเพลินที่ได้ดำผุดดำว่ายอยู่ในสวนภาษาที่สวยสะพรั่งของเธอ

เธอสะท้อนถึงภาพความขัดแย้งในครอบครัวแบบไท้ยไทย ความดัดจริตของคนหนุ่มสาวร่วมสมัยที่เสพติดสิ่งเร้ามายาผ่านศิลปะทั้งหนัง เพลง หนังสือ การเดินทาง รวมทั้งอาหาร (ใครที่มีไลฟ์สไตล์แบบที่กล่าวมาน่าจะอินได้ไม่ยาก) ในขณะเดียวกันก็ประชดประเทียดเสียดสีความเปล่ากลวงและไร้ทิศทางของคนยุคนี้ เหนืออื่นใดเธอตั้งคำถามกับเราว่าอะไรคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่แท้ของเรากันแน่

อิ่มเอม โรแมนติก จุก เศร้า และร้าวราน คือความรู้สึกที่ฉันได้รับหลังจากอ่านจบ, สิ่งที่คุณวีรพรนำมาบรรจุไว้ในเนื้อหามันเชื้อเชิญให้ฉันอยากรู้เพิ่มจากที่เธอเขียน ฉันอยากกินอาหารที่เธอยกมาเล่า ฉันเปิดยูทูบฟังเพลงที่เธอเอ่ยอ้าง — และฉันถึงขั้นไปเสิร์ชหาภาพ the most beautiful suicide หรือภาพฆ่าตัวตายที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในโลก (ข่าวและภาพอยู่ในลิงค์นี้http://rarehistoricalphotos.com/beautiful-suicide-evelyn-mchale-leapt-death-empire-state-building-1947/) ในกูเกิลเมื่ออ่านถึงฉากที่ตัวละครสับสนและเจ็บหนักจนคิดสั้น

อ่านจบแล้วอดย้อนมองกลับมาที่ตัวเองไม่ได้, เราทุกคนไม่ต่างจากไส้เดือนตาบอดที่หลงอยู่ในเขาวงกต ว่ายวนอยู่แต่ในโลกแคบๆของตัวเอง และอนาถซ้ำตรงที่ขี้ออกมาแล้วยังไม่รู้ว่ากินขี้ตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะความบอดใบ้ — บอดใบ้ทั้งสติปัญญาและจิตวิญญาณ

เราต่างหลงทาง กลวงเปล่า สับสน และแหว่งวิ่น แต่กลับหลอกตัวเองว่าฉันเจ๋ง ฉันเก่ง ฉันเอาอยู่, เพราะถูกมายาคติและอคติบดบัง — สิ่งมีชีวิตใดจะน่าสมเพชเท่ามนุษย์อีกล่ะหรือ, ไม่น่ามี

คุยกันตรงนี้เลยค่ะ

You might also like More from author